ปัจจุบันผลการจัดอันดับ Soft Power Index 2023 พบว่า Soft Power ของประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 41 ของโลก จากอันดับดังกล่าว ยังเห็นโอกาสอีกมากในการเติมเต็มการพัฒนาเพื่อมุ่งไปสู่อันดับที่สูงขึ้น โดยใช้การท่องเที่ยว เป็นเครื่องมือในการสร้าง Soft Power และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวในงานสัมมนาอนาคตประเทศไทย Soft power ขับเคลื่อนประเทศ? ซึ่งจัดโดยสำนักงานข่าวเครือเนชั่น ว่า ความเข้าใจเรื่อง Soft Power ของแต่ละคนมีหลายมิติที่แตกต่างกัน รัฐ-เอกชนก็คิดต่างกัน แต่สิ่งที่เราต้องทำคือการร่วมกันผลักดัน Soft power ที่ยังไม่ทรงพลัง ทำให้คุณค่าที่มีอยู่ ผลักดันเพื่อทำให้กลายเป็น Soft power ที่ทรงพลัง เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ที่เราต้องติดกระดุมเม็ดแรกให้ตรงกัน
ในส่วนของกระทรวงท่องเที่ยวฯ เราจะคัดเลือก Soft power ที่ทรงพลัง คือเป็นพลังทางวัฒนธรรมที่เป็นธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ระเบิดจากข้างใน เช่น มวยไทย อาหารไทย ผลไม้ไทย วางยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน Soft power ด้วยการท่องเที่ยว โดยปรับปรุงพัฒนา สร้างการรับรู้ สร้างภาพลักษณ์ ประชาสัมพันธ์ ให้เกิดมูลค่าสูงสุดสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ และคงต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงานทั้งรัฐและผู้ประกอบการ
โดยการลงทุนด้าน Soft power ของไทย ยังน้อยกว่าประเทศเกาหลี ที่เขากล้าลงทุนทั้งเรื่องซีรีย์ อาหาร และฟิล์ม ซึ่งคิดว่าหลังจากนี้ไทยก็ควรจะผลักดัน Soft power ที่ทรงพลัง ทำให้เกิดการลงทุนที่มีความเข้มแข็งและแข็งแรงขึ้น ถึงเวลาที่ภาครัฐในทุกกระทรวงควรต้องตั้งงบประมาณในการผลักดัน Soft power อย่างแท้จริง
เช่น วันนี้มวยไทย เป็น Soft power ที่แท้จริงแล้ว เพราะมวยไทยมีองค์ประกอบในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ วันนี้เราส่งครูมวยไป 146 ประเทศ มีเกือบ 2 หมื่นค่ายมวย เราผลิตอุปกรณ์กีฬามวย ผลิตส่วนที่เกี่ยวข้องต่างๆกับมวยไทย
ขณะที่กระแสนิยมชั่วคราว เช่น ลิซ่า สวมชฎา นักท่องเที่ยวจีนแต่งชุดนักเรียนมาถ่ายรูปในไทย หรือมิลลิ กินข้าวเหนียวมะม่วงในระหว่างแสดงคอนเสิร์ต ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็สามารถสร้างจากกระแสเปลี่ยนเป็น Soft power ได้ เช่น การประชาสัมพันธ์ผ่านนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือบริษัทนำเที่ยวผ่านกิจกรรมต่างๆ เมื่อเดินทางมาท่องเที่ยวไทย
นายพิพัฒน์ ยังกล่าวต่อว่า Soft Power แบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ คือ 1. Soft Power ที่ยังไม่ทรงพลัง เช่น โนราห์ เครื่องเบญจรงค์ โขน ซึ่งอยู่ในระดับสร้างการรับรู้ สร้างภาพลักษณ์ 2.Soft Power ที่ทรงพลัง ในระดับ Local เท่านั้น เช่น หากเราไปภาคอีสาน เราต้องผูกผ้าขาวม้า หากนึกถึง หอยนางรมใหญ่ ไข่เค็ม ต้องไข่เค็มไชยา สุราษฎร์ธานี
หรือ ขนมหม้อแกง ก็ต้องหนีไม่พ้น หม้อแกงเมืองเพชร สิ่งเหล่านี้ ถือเป็น Soft Power แต่ในระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาคเท่านั้น ยังไม่มีคุณค่าร่วม หรือ share value พอที่จะโน้มน้าวชักจูงประชาคมให้โลกได้ และ 3. Soft Power ที่ทรงพลังในระดับสากล เช่น มวยไทย นวดไทย ผัดไทย ละครซีรีย์วาย เป็นต้น เพราะมันมีคุณค่าร่วม หรือ share value โน้มน้าวชักจูงประชาคมให้โลกได้
ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า Soft Power นั้น มีหลายระดับ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีคุณค่าในตัวของมันเองทั้งสิ้น แต่เราต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่า มันยังไม่ได้มีมูลค่า และยังทำให้เป็นเงินไม่ได้สิ่งนี้ทำให้กระทรวงท่องเที่ยวฯจึงต้องมี “แผนแม่บท Soft Power ด้านการท่องเที่ยว” เอา Soft Power ที่มีพลัง ขับเคลื่อนจาก “คุณค่า” ไปสู่ “มูลค่า”ทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ภายใต้ยุทธศาสตร์ คัด ปรับ นำเสนอ
โดยการคัดเลือก Soft Power ที่ทรงพลังและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจทางด้านการท่องเที่ยว นำมาปรับเปลี่ยน Soft Power นั้นให้เหมาะสมและดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย และ นำเสนอสู่กลุ่มเป้าหมายต่างๆผ่านช่องทางที่เหมาะสม
แผนแม่บทจะช่วยให้การบูรณาการขับเคลื่อน Soft Power จากหลายหน่วยงานเป็นไปอย่างมียุทธศาสตร์ มีทิศทางที่ชัดเจน ตรงเป้า และมีกรอบการทำงานที่แน่วแน่มากขึ้น เริ่มจากการกำหนด วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย กลยุทธ์ วิธีการ และการติดตามประเมินผล ให้เป็นรูปธรรม
อีกทั้ง Soft Power ของประเทศที่เราจะต้อนรับนักท่องเที่ยวทำให้เรามีรายได้จากการท่องเที่ยวติดอันดับ 4 ของโลกในปี 2562 ไม่ใช่แค่ธรรมชาติที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติแต่เป็น “คนไทย” ที่มีมารยาทและการต้อนรับนักท่องเที่ยวแบบไทย เป็น Soft Power ที่แข็งแรงและทรงคุณค่าที่สุด และสร้างมูลค่าที่ประเมินค่าไม่ได้ โดยในปี2566 คาดว่าไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติใกล้เคียง 30 ล้านคน ปี 2567 อยู่ที่ 40 ล้านคน และหวังว่าใน 5 ปีนี้ จะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 25% ของจีดีพี
การจะไปสู่จุดหมายนี้ต้องคิด Soft Power ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยกระทรวงท่องเที่ยวฯกำลังสร้าง Soft Power สำหรับนักท่องเที่ยวใน 3 เรื่อง คือ 1.การยกระดับความปลอดภัยในการท่องเที่ยว 2.การพัฒนาการท่องเที่ยวสู่คุณภาพ ไม่ใช่ทัวร์ศูนย์เหรียญเหมือนในอดีต และ 3.เมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยเราให้ประสบการณ์ในการเดินทางท่องเที่ยวที่มีความหมาย
โดยประสบการณ์จะไม่เหมือนกันในแต่ละพื้นที่ท่องเที่ยว ทำให้เขาประทับใจและกลับไปบอกเล่าประสบการณ์ต่อกับคนอื่นๆและคนในครอบครัวเชิญชวนคนเหล่าอยากมาท่องเที่ยวหาประสบการณ์ในไทยในช่วงปีนี้และปีหน้าต่อไป