เชนมะกัน "เรดิสัน" บุกตลาดเอเชีย ปักธงแบรนด์ใหม่โรงแรมไทย

03 ก.ย. 2566 | 08:00 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ก.ย. 2566 | 08:05 น.

เชนมะกัน "เรดิสัน" บุกตลาดเอเชีย ปักธงแบรนด์ใหม่โรงแรมไทย เดินแผน 5 ปี มุ่งเป้าขยายแบรนด์สู่เอเชียแปซิฟิกรวมถึงไทย พร้อมมุมมองของธุรกิจโรงแรมหลังโควิด-19

การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวหลังโควิด-19 ส่งผลให้ “เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป” บิ๊กเชนโรงแรมจากสหรัฐอเมริกา เดินแผน 5 ปี มุ่งเป้าขยายแบรนด์สู่เอเชียแปซิฟิกรวมถึงไทย และมุมมองของธุรกิจโรงแรมจากนี้จะเป็นเช่นไร “ฐานเศรษฐกิจ” ได้สัมภาษณ์นายเอลลี่ ยูเนส รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจสากล เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป หรือ RHG

 

 

ทิศทางการขยายแบรนด์โรงแรมของเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ว่าจากการวิจัยของวีซ่า (VISA) เมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่าปริมาณการเดินทางออกนอกประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเกือบจะเทียบเท่ากับระดับเดียวกันกับในปี 2562 ซึ่งจะเห็นได้อย่างเร็วที่สุดภายในเดือนกรกฎาคมนี้

ขณะที่ประเทศไทย ททท. คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวถึง 25 ล้านคนในปี 2566 คิดเป็น 65% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา ก็ทะลุเป้าหมาย ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาถึง 6.15 ล้านคน ซึ่งเรามองว่านี่ถือเป็นเรื่องที่ดี และช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วขึ้นและมีการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เอลลี่ ยูเนส เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป

เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป มุ่งเดินหน้าตามแผนปฏิรูปธุรกิจและขยายการเติบโตในช่วงระยะ 5 ปีนี้ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปี 2566 เราได้เซ็นสัญญา และการเปิดตัวโรงแรมมากกว่า 100 แห่งทั่วโลก จำนวนนี้รวมไปถึงโรงแรมที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 60 แห่งในพอร์ตโฟลิโอของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็น กลุ่มตลาดมีจำนวนห้องโรงแรมมาก กว่า 8,000 ห้อง ในเวียดนาม อินเดีย ไทย ฟิลิปปินส์ และจีน

นอกจากนี้ยังร่วมมือกับเจ้าของธุรกิจโรงแรมรายใหญ่ “La Vie Hotels & Resorts” ลงนามเซ็นสัญญาความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะสามารถเพิ่มจำนวนโรงแรมได้มากถึง 30 แห่ง ภายในอีก 10 ปีข้างหน้า ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก รวมถึงการตกลงพัฒนาธุรกิจกับ “SM Hotels and Conventions Corp.” ในประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอจากเดิมที่มีโรงแรม 6 แห่ง ให้เพิ่มขึ้นเป็น 20 แห่ง ภายใน 5 ปีข้างหน้า

สำหรับประเทศไทย ปีที่ผ่านมา เราเซ็นสัญญารับบริหารโรงแรมถึง 7 แห่ง (รวมกว่า 1,300 ห้อง) ซึ่งมีการเติบโตอย่างชัดเจน ซึ่งปัจจุบันเรามีโรงแรมในเครือเรดิสันที่เปิดให้ดำเนินการอยู่ 7 แห่ง ได้แก่ แบรนด์ เรดิสัน บลู, เรดิสัน, พาร์ค พลาซ่า และ เรดิสัน อินดิวิดวลส์

รวมถึงโรงแรมใหม่ที่จะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้ ได้แก่ โรงแรมเรดิสัน เพลินจิต กรุงเทพฯ เปิดไตรมาส 2 ปี 67, โรงแรมเรดิสัน เรด ภูเก็ต ป่าตอง บีช ภูเก็ต เปิดไตรมาส 2 ปี 67 ซึ่งจะเป็นการเปิดตัวแบรนด์โรงแรมไลฟ์สไตล์ระดับอัพสเกลครั้งแรกในไทย,  เรดิสัน รีสอร์ท ไม้ขาว บีช ภูเก็ต เปิดไตรมาส 2 ปี 67 และที่เพิ่งเซ็นสัญญาล่าสุดคือ โรงแรม พาร์ค อินน์ บาย เรดิสัน กรุงเทพฯ ดอนเมือง ซึ่งเป็นการเปิดตัวแบรนด์ระดับกลาง-บน (upper-midscale) ครั้งแรกของเราในไทย ในไตรมาสที่ 3 ปี 67

ในอีก 5 ปีข้างหน้า เรายังคงมุ่งมั่นเดินหน้าขยายการเติบโตในไทยอย่างต่อเนื่อง เราตั้งเป้าจะเปิดโรงแรมแห่งใหม่ให้ได้ 10-15 แห่งต่อปี ซึ่งจะขับเคลื่อนโดยทีมงานมืออาชีพของหน่วยธุรกิจประจำประเทศไทยกว่า 10 คน นอกจากนี้ยังคงมุ่งเน้นไปที่จุดเด่นของแบรนด์แต่ละแบรนด์และรูปแบบธุรกิจที่หลากหลาย (ตั้งแต่โอกาสในการปรับเปลี่ยนโรงแรมเดิม จนไปถึงการสร้างขึ้นมาใหม่ของกลุ่มโรงแรมระดับบน) ที่ตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของธุรกิจโรงแรมในไทย

ท่ามกลางการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวก็มีความท้าทาย ยูเนส กล่าวว่า เรากำลังเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเงินเฟ้อที่ส่งผลให้ต้นทุนธุรกิจสูงขึ้นทั่วโลกรวมถึงในไทย เราจึงได้พัฒนารูปแบบการดำเนินงานของเราให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยให้ความสำคัญกับแบรนด์แต่ละแบรนด์และรูปแบบธุรกิจของเราเป็นอย่างมาก

โดยการนำเสนอรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับเจ้าของธุรกิจ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากขึ้น แม้จะได้รับผลกระทบจากอัตราภาวะเงินเฟ้อก็ตาม และนี่คือเหตุผลที่เจ้าของโรงแรมมากกว่า 65% เปิดโรงแรมกับเครือของเรามากกว่า 1 แห่ง เรามองการเพิ่มมูลค่าให้กับเจ้าของโรงแรมและพันธมิตรของเราเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

ในทางกลับกัน อีกหนึ่งความท้าทายสำคัญที่ต้องตระหนัก คือ ภาวะขาดแคลนบุคลากรทั่วโลก เนื่องจากเราเป็นหนึ่งในเครือโรงแรมที่ต้องสรรหาและคัดเลือกบุคลากรในอุตสาหกรรมบริการรายใหญ่ที่สุด เราจึงต้องมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการพัฒนาทักษะความสามารถของบุคลากรในระดับมืออาชีพ ทรัพยากรบุคคลถือเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุด

เราจึงมีการจัดตั้ง “เรดิสัน อะคาเดมี” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้และการพัฒนาของเรา โดยมีหลักสูตรเสมือนจริงและหลักสูตรการเรียนออนไลน์แบบไลฟ์สดมากถึง 1,500 หลักสูตร

รวมถึง Typsy ซึ่งเป็นแพลต ฟอร์มการฝึกอบรมทักษะพื้นฐานการโรงแรม สำหรับการพัฒนาทักษะการปฏิบัติงาน/ข้ามสายงาน เพื่อกระตุ้นและพัฒนาศักยภาพ และสามารถเชื่อมต่อกับพนักงานของเราทุกคนได้ซึ่งเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ได้รับรางวัลสุดยอดนายจ้างดีเด่นอันดับที่ 4 ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและสันทนาการ (The 4th Best Employer in Travel & Leisure) ถึง 2 ปีซ้อน จากการจัด อันดับสุดยอดนายจ้างแห่งปีที่จัดโดยนิตยสารฟอร์บส (Forbes)

ส่วนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวจากการระบาดของโควิด-19 ในปีนี้และในอนาคตหลายๆ เครือโรงแรม และเว็บไซต์ STR ซึ่งเป็นเว็บไซต์ชี้วัดและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของธุรกิจโรงแรม เริ่มมีการพูดถึงการฟื้นตัวของตลาดในช่วงครึ่งหลังของปี 2566/2567 ทางเรามีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่าการฟื้นตัวของเราจะเป็นไปได้ไวขึ้น

แม้เรามองเห็นว่าธุรกิจมีการฟื้นตัวขึ้นแล้ว แต่การฟื้นตัวในละประเทศมีอัตราที่ต่างกัน โดยรวมแล้วเราจะเห็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งได้จากอัตราเฉลี่ยของราคาห้องพัก ซึ่งมีความใกล้เคียงหรือแม้กระทั่งมากกว่าเมื่อเทียบกับช่วงปี 2562 จากจุดหมายปลายทางหลายแห่งทั่วโลก ซึ่งหากมองในด้านปริมาณ มีโอกาสที่จะเพิ่มอัตราการเข้าพักมากขึ้นได้อย่างแน่นอน

จากรายงานการวิจัยของกลุ่มบริษัทระดับโลกฉบับสมบูรณ์ในปี 2560 เราได้ลงทุนกว่า 300 ล้านยูโร ในการริเริ่มกระบวนการบริหารเชิงกลยุทธ์ ทั้งในด้านการวางแผนและกำหนดโครงสร้างของแบรนด์ที่ชัดเจน จัดทำระบบไอทีและระบบการจัดการรายได้ใหม่

รวมถึงได้มีการอัพเกรด New Radisson Rewards ลอยัลตี้โปรแกรมในดูแลลูกค้าของเราใหม่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันเรายังคงรักษาทัศนคติเชิงบวกในการดำเนินธุรกิจ และมีความยืดหยุ่นในการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมองไปยัง อนาคตข้างหน้าเพื่อจะทำให้ธุรกิจสามารถกลับมาฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย