เร่งกู้ภาพลักษณ์ท่องเที่ยว หลังเหตุ "กราดยิงพารากอน"

จากกรณีเหตุการณ์กราดยิงกลางห้างสยามพารากอน โดยเยาวชนชายอายุ 14 ปี เมื่อวานนี้ (วันที่ 3 ตุลาคม 2566) จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นนักท่องเที่ยวจีน และชาวเมียนมา และมีผู้บาดเจ็บ 5 ราย

ล่าสุดข่าวเหตุกราดยิงที่สยามพารากอน กรุงเทพฯประเทศไทย ติดเทรนอันดับ 5 ‘เว่ยป๋อ’ ของจีนแล้ว

อีกทั้งโลกออนไลน์บนแพลตฟอร์ม X ได้แชร์ภาพของสาวคนหนึ่งโพสต์เล่าเหตุการณ์ ระบุว่า “เรื่องน่าเศร้า คือ หนีตายจากพารากอน ไปเจอนักท่องเที่ยวชาวจีนสองคนมาขอความช่วยเหลือ แม่เขาโดนยิง แล้วเขาหาแม่ไม่เจอ เราก็ช่วยทุกวิถีทาง แบตมือถือเหลือ 1% เอามาคุยกับน้อง น้องพูดมาว่าแม่หนูจะตายไหม เราก็ปลอบใจน้องว่าแม่แค่บาดเจ็บ เดี๋ยวก็เจอแม่แล้ว รอแปปนะ

พอไปถึงตำรวจ ตำรวจบอกว่าแม่น้องคนนี้เสียชีวิต เราร้องไห้เลยสงสารมาก น้องมีฝาแฝดด้วย ทำไมน้องต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เป็นวันที่เศร้ามาก

หลังจากนั้นเจ้าของโพสต์ยังได้ ขอบคุณพลเมืองดีที่สามารถพูดภาษาจีนและสามารถสื่อสารกับเด็กหญิงชาวจีนทั้งสองคนได้จนกระทั่งเจอตำรวจอีกด้วย โดยได้มีผู้ใช้บัญชีจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น ล่าสุด ยอดการติดแฮชแท็ก #พารากอน พุ่งทะยานถึง 4 ล้านโพสต์

จากกระแสที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนกังวลถึงผลกระทบด้านการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน หลังจากรัฐบาลได้ออกมาตรการวีซ่าฟรีออกมาได้เพียงสัปดาห์เดียว 

ล่าสุดนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)เผยว่าททท.ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในพื้นที่ห้างสยามพารากอน และขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทุกท่าน

อีกทั้งเมื่อค่ำวานนี้ รัฐบาลนำโดยท่านนายกเศรษฐา ร่วมด้วย ท่านรัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ รัฐมนตรีสาธารณสุข และรัฐมนตรีวัฒนธรรม เข้า update สถานการณ์ เเละท่านนายกได้ต่อสายตรงถึงท่านเอกอัครราชฑูตจีน (ท่านหาน จื้อเฉียง) แสดงความห่วงใย และพร้อมยกระดับดูแลเรื่องความปลอดภัย

รวมถึงมาตราการเยียวยาต่างๆ ซึ่งในเช้าวันนี้ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นำโดยท่านรัฐมนตรีสุดาวรรณ จะได้เข้าหารือกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อดำเนินการเยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตโดยด่วนต่อไป

ในส่วนของททท. เราได้มีการบริหารจัดการมอนิเตอร์ข่าวต่างๆตั้งแต่เมื่อวานนี้ และดำเนินการ 3 ส่วน

1. มาตรการด้านความปลอดภัย ที่ต้องยกระดับในทุกพื้นที่ เพื่อนนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ

2. มาตรการเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจ อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตทั้งชาวไทยและต่างประเทศ

3.มาตรการสื่อสารภาครัฐและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ ซึ่งในส่วนของการสื่อสารภาครัฐเองได้แบ่งเป็น 3 ระยะ สั้น กลางและยาว ซึ่งในระยะยาวจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสร้างความมั่นใจ ซึ่งรัฐมนตรีท่องเที่ยวและ กระทรวงการต่างประเทศก็จะเริ่มดำเนินการในวันพรุ่งนี้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเบื้องต้นผมได้ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงท่องเที่ยว กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และตำรวจ หาสาเหตุ และมาตารการป้องกันต่อเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว

ผมได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ความสูญเสียในครั้งนี้ พร้อมแสดงความห่วงใยไปยังครอบครัวนักท่องเที่ยวชาวจีนที่บาดเจ็บและเสียชีวิตผ่านกับนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย โดยท่านทูตฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายของไทยที่ไม่ได้นิ่งนอนใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

แต่ทางสถานทูตจีนขอให้เรามีมาตรการที่ชัดเจนเพื่อทางสถานทูตจะช่วยสื่อสารข่าวสารให้ประชาชนเข้าใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้กระทบการท่องเที่ยว โดยนับจากนี้รัฐบาลไทยจะดำเนินการมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุดเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกคน

ด้านกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้ทวิตข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดย ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ จากเหตุความรุนแรงในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์  ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่าเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่น่าเศร้า ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ที่ก่อนหน้านั้นไทยถูกโจมตีจากกระแสโซเชี่ยลในจีนอยู่แล้วเดิม และยังมาเกิดในช่วงที่นายกเศรษฐา กำลังเตรียมจะเดินทางไปจีนด้วย

ดังนั้นในขณะนี้รัฐบาลต้องเร่งกู้ภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วน ใน 3 ประเด็กหลัก ได้แก่ 1.การเร่งเยียวยาผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และญาติของผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยเร็ว 2. เร่งยกระดับความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั้งแหล่งท่องเที่ยวแมนเมด และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และ 3.การส่งเสริมให้นำวิชาศีลธรรม กลับมาในหลักสูตรการเรียนการสอนต่างๆ เพื่อทำให้เด็กมีจิตใจที่เข้มแข็ง เพื่อลดผลกระทบทางสังคมที่จะเกิดขึ้น

ด้านนายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่าเหตุกราดยิงนี้จะมีผลกระทบกับนักท่องเที่ยวจีนอย่างไรในเชิงสถิติ ขณะนี้ยัง เร็วเกินไปที่จะอนุมานในเชิงสถิติ แต่มีผลกระทบในเชิงความรู้สึกที่โลกโซเชียลตั้งคำถาม ประเด็น เด็กอายุ 14 ปี มีอาวุธปืน ได้อย่างไร พกปืนไปห้างสรรพสินค้าได้อย่างไร 

โดยคงต้องไปหาสาเหตุ และ ออกมาตรการป้องกันที่มีความรอบคอบที่สุดในระยะเร่งด่วนต่อไป และ จะดูแลทุกคนทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาในประเทศไทย ไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไป

รวมทั้งรัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบ ดูแล และ เยียวยานักท่องเที่ยวให้ดีที่สุด
ออกค่าเดินทาง และ ค่าใช้จ่าย ครอบครัวผู้เสียหาย งบประมาณ เยียวยา ให้ดีที่สุด 
งดตอบคำถาม ที่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องข้อมูลหรือหลักฐาน

รวมถึงควรศูนย์ข่าวงานวิกฤตอย่างถาวร โดยมีเครื่องมือ ดิจิตอลทำ ระบบ Social Listening คอยตอบสนองข่าวเชิงวิกฤตแบบเรียลไทม์ 

การบังคับใช้กฎหมายสอบหาสาเหตที่แท้จริง และเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ 
งดให้ข่าวคาดหวังตัวเลขนักท่องเที่ยว แสดงความเสียใจ และ ดูแลผู้เสียหาย และ ครอบครัวทุกกรณี ออกมาตรการเพื่อความปลอดภัย ทั้งเชิงรุก และ ปรับโครงสร้างความปลอดภัยนักท่องเที่ยวที่เป็นรูปธรรม ในระยะเร่งด่วน