นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท.กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลไทยได้สานสัมพันธ์อันดีกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งทำให้สาธารณรัฐประชาชนจีนได้มีนโยบายยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทยและผู้ถือหนังสือเดินทางกึ่งราชการ และหนังสือเดินทางธรรมดาของจีน (VISA FREE) หรือ วีซ่าฟรีซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 มีนาคม 2567
AOT ในฐานะผู้บริหารท่าอากาศยานหลัก 6 แห่งของประเทศไทย ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ให้เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของนักเดินทางชาวจีนและชาวไทยที่จะเดินทางไปกลับระหว่างสองประเทศ และจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก
รวมถึงการบริหารจัดการการให้บริการในท่าอากาศยานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้เดินทางทุกคนได้สัมผัสกับการบริการที่สะดวก ปลอดภัย และรวดเร็ว อันจะนำมาซึ่งความประทับใจ และเกิดภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ ซึ่งนโยบายดังกล่าวถือเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และยกระดับความสำคัญของหนังสือเดินทางไทย เนื่องจากที่ผ่านมาสาธารณรัฐประชาชนจีนได้มีนโยบาย VISA FREE ให้กับ 5 ประเทศเท่านั้น
นายกีรติ กล่าวว่า AOT ขานรับนโยบาย “ราชรถยิ้ม” ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มุ่งสร้างรอยยิ้ม สร้างความประทับใจแก่ผู้ใช้บริการ ซึ่ง AOT พร้อมสนองนโยบาย VISA FREE สำหรับหนังสือเดินทางของไทยและจีน
โดยได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการการให้บริการผู้โดยสารในขั้นตอนต่างๆ ทั้งในส่วนของผู้โดยสารขาเข้าและขาออก ให้เกิดความคล่องตัว ไม่ให้เกิดภาพความหนาแน่นในแต่ละจุดบริการ โดยเฉพาะในขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง และบริเวณสายพานรับกระเป๋า
รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม ทั้งนี้ AOT มองว่านโยบายดังกล่าวจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน ส่งเสริมให้เกิดการเดินทางระหว่างสองประเทศมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการนำเม็ดเงินไหลเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ กระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น
AOT คาดว่าในช่วงที่มีมาตรการ VISA FREE ในปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 8 ล้านคน ฟื้นตัวร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 11.1 ล้านคน
นอกจากการอำนวยความสะดวกในด้านการให้บริการผู้โดยสารแล้ว AOT จะประสานความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดแคมเปญดึงดูดนักท่องเที่ยว และสายการบิน เพื่อให้เกิดอุปสงค์ในการเดินทางมายังประเทศไทย และปัจจุบันนี้ AOT ได้มีโครงการกระตุ้นตลาดด้านการบิน หรือ Performance-Based Incentive Scheme ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะดึงดูดให้สายการบินเพิ่มปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารระหว่างประเทศ
โดย AOT จะสนับสนุนสายการบินที่ทำการบินในเที่ยวบินแบบประจำระหว่างประเทศ (International Scheduled Flight) รวมถึงเที่ยวบินพิเศษ (Extra Flight) และเที่ยวบินแบบไม่ประจำหรือเช่าเหมาลำนอกเหนือจากจำนวนเที่ยวบินของสายการบินตนเองตามตารางการบินที่ได้รับการอนุมัติ ณ วันที่ 8 กันยายน 2566
โดยสายการบินจะได้รับส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยาน 175 บาทต่อผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 1 คน ทั้งนี้ ส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยานจะต้องไม่เกิน 75 % ของค่าบริการขึ้นลงของอากาศยานของเที่ยวบินส่วนเพิ่ม โดยมีระยะเวลาของโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 – 31 มีนาคม 2567
รวมไปถึงโครงการสำหรับสายการบินที่เปิดให้บริการเส้นทางการบินใหม่ (New Routes Incentive) โดย AOT จะพิจารณาให้ส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยาน ค่าบริการที่เก็บอากาศยาน และค่าบริการใช้สะพานเทียบเครื่องบิน (Landing Charges, Parking Charges และ Boarding Bridge Charges) เพื่อดึงดูดให้สายการบินเปิดเส้นทางการบินใหม่มาที่ท่าอากาศยานหลัก และท่าอากาศยานในภูมิภาคของ AOT เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองด้วย
AOT พร้อมสนองนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงคมนาคมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการผู้โดยสารให้มีความสะดวก รวดเร็ว และคล่องตัว ทำให้ผู้โดยสารเกิดความประทับใจ และความเชื่อมั่น ซึ่งท่าอากาศยานถือเป็นประตูต้อนรับผู้เดินทางจากทั่วโลก และเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบิน ส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจประเทศโดยรวมต่อไป