นางสาววิชุพรรณ ภูเก้าล้วนศรีสัญญา นายกสมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่ เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ"ถึงแนวความคิดต่อยอด กระบี่โกกรีน KRABI GO GREEN ว่า ได้ยึดหลักการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ บีซีจี BCG (Sustainable Development Goals: SDGs) เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับโลก ผ่านกิจกรรมที่มีขึ้นภายใต้ การลงนามความร่วมมือการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
สิ่งเหล่านี้จะเป็นจุดขายที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกกำลังหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวกระบี่โดยมีโรงแรม ที่เข้าร่วมกับโครงการกระบี่โกกรีน กว่า 33 แห่ง มีการดำเนินธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น โรงแรมปลูกผักไว้ปรุงอาหารให้ลูกค้าในโรงแรมตนเองไม่ใช้สารเคมีในการปลูกผักหรือพืช ลดการใช้พลังงานที่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ทุกอย่างกำลังไปได้ดี
นางสาววิชุพรรณ กล่าวอีกว่า จุดขายกระบี่คือ Sustainable Tourism การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุผลนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวพักผ่อนในกระบี่ เป็นกลุ่มที่มาเป็นครอบครัว เน้นความรักความอบอุ่น ความสุขกับการชมเที่ยวธรรมชาติที่มี ทะเล ชายหาด เกาะ แสงแดด หรือการเดินเที่ยวป่า ที่สูดรับโอโซน นักท่องเที่ยวมากระบี่จะได้กินผักผลไม้ที่เป็นพืชผัก ผลไม้พื้นถิ่นของกระบี่และภาคใต้เพื่อช่วยส่งเสริมอาชีพเกษตรกรในพื้นที่
จะมีกรุ๊ปทัวร์ที่นำนักท่องเที่ยวไปเที่ยวชุมชนท้องถิ่น เช่นที่บ้านนาตีน มีสินค้าชุมชนขายให้นักท่องเที่ยว เช่นผ้าบาติก สิ่งประดิษฐ์จากกะลามะพร้าว หรือสินค้าอื่น ๆ เน้นให้นักท่องเที่ยวทำกิจกรรมเพื่อสุขภาพ “อาบป่า อาบทะเล”การวิ่งออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ดำน้ำ ปีนหน้าผา เดินชมป่า และกิจกรรมอื่นที่ไม่ก่อนให้เกิดมลภาวะที่ส่งผลเสียกับสิ่งแวดล้อมไม่เน้นการท่องเที่ยวแบบ กิจกรรม แจ็ตสกี เรือลากร่มบิน เรือกล้วย ปักร่มชายหาด
ในปี 2562 ที่ผ่านมา กระบี่ทำรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุด 119,419 ล้านบาท เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทย ในปี 2566 กระบี่รายได้ตกเหลือ 52,500 ล้านบาทตกมาอยู่อันดับ 3 ของภาคใต้ ภาคใต้รายได้จากการท่องเที่ยวสิ้นปี 2566 1. ภูเก็ต 388,017 ล้านบาท 2. สุราษฎร์ธานี 86,558 ล้านบาท 3.กระบี่ 52,500.70 ล้านบาท 4. สงขลา 35,590 ล้านบาท 5. พังงา 28,495 ล้านบาท
ช่วงโควิด-19 กระบี่ได้รับผลกระทบนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวส่งผลมาในปี 2566 รายได้ของกระบี่ตกมาอยู่อันดับ 3 สัดส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศร้อยละ 60 นักท่องเที่ยวต่างชาติร้อยละ 40อันเนื่องมาจากการระบาดของโรคโควิด-19
นางสาววิชุพรรณ กล่าวว่า การเดินทางของนักท่องเที่ยวโดยเครื่องบินมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ท่าอากาศยานกระบี่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากทุกรัฐบาลในการขยายสนามบินเพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุกปี สนามบินนานาชาติกระบี่รองรับเครื่องบินจอดได้พร้อมกันถึง 40 ลำ รองรับผู้โดยสาร 3,000 คนต่อชั่วโมง หรือปีละ 8 ล้านคน มีเที่ยวบินระหว่างประเทศเช่าเหมาลำ เที่ยวบินประจำเส้นทางเที่ยวบินในประเทศ
ที่ผ่านมากลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวกระบี่คนในประเทศ ต่างชาติจะเป็นกลุ่มสแกนดิเนเวีย เช่น สวีเดน เดนมาร์ก นอร์เวย์ หากรวม ฟินแลนด์ ไอร์แลนด์ จะเป็นกลุ่มประเทศ นอร์ดิก ยุโรปเช่น เยอรมัน ฝรั่งเศส โปแลนด์ เชโกสโลวาเกีย และ สหรัฐอเมริกา ในเอเชีย จีน อินเดีย มาเลเซีย อาหรับคือ ดูไบหรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พฤติกรรมนักท่องเที่ยวกลุ่มสแกนฯจะเข้ามาเที่ยวพักผ่อนแต่ละท่าน 1-2 สัปดาห์
ส่วนนักท่องเที่ยวที่ตระเวนเที่ยวในหลาย ๆ จังหวัดนั้น จะแวะพักที่กระบี่ประมาณ 4-5 วัน ปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้ นักท่องเที่ยวที่มากระบี่ โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ ต้องมีความพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก WiFi ความเร็วสูง ไฟฟ้า ที่นั่ง สำหรับลูกค้าใช้งาน โน๊ตบุ๊ก แท็บแล็ต โทรศัพท์มือถือ ในการทำงานหรือสื่อสาร
ทั้งนี้ สมาคมจะต้องผลักดันให้กระบี่ทำรายได้จากการท่องเที่ยวมาอันดับ 2 รองมาจากภูเก็ตให้ได้คือจะต้องทำรายได้กว่า 1 แสนล้านบาทตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป เพราะที่ผ่านมาทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ เช่น ททท.การท่องเที่ยวกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และรัฐบาลให้ความร่วมมือกับทางสมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่ เป็นอย่างดี ในซีซั่นนี้จะเห็นว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาพักผ่อน ท่องเที่ยว จังหวัดกระบี่เพิ่มมากขึ้น จะเห็นว่า ชายหาด เกาะ สถานที่ท่องเที่ยวเนื่องแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติ
จุดแข็งของกระบี่ในเวลานี้ สนามบินรองรับเครื่องบินจอดพร้อมกัน 40 ลำ ได้มากขึ้น มีห้องพักทุกระดับกว่า 23,000ห้อง อีกประมาณ 1 ปีห้างสรรพสินค้าชั้นนำของไทย เซ็นทรัล มาเปิดที่กระบี่ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง กระบี่วางจุดขาย การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน Sustainable Tourism ชู “กระบี่ โก กรีน” KRABI GO GREEN
นายอะหมาน หมัดอะดัม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานกระบี่ เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ในปีนี้ทางททท.มีแผนที่จะทำการตลาดดึงนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาเที่ยวจังหวัดกระบี่ หลังจากการระบาดของโรค โควิด-19 ยอดนักท่องเที่ยวลดลง รายได้ปี 2566 ลดลงเหลือ 52ล้านบาท ดังนั้นทางททท.ได้เตรียมแผนการตลาดดึงกลุ่มนักท่องเที่ยว
โดยกลุ่มแรก คือกลุ่มสแกนดิเนเวีย ให้กลับมาเที่ยวกระบี่พื้นที่ที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้นิยมไปท่องเที่ยวกันมากคือเกาะลันตาและ เกาะไหง เพราะด้วยอุปนิสัยคนกลุ่มสแกนดิเนเวียจะมาท่องเที่ยวเป็นครอบครัวและเน้นการพักผ่อนแบบสงบใช้ระยะเวลาในการพักผ่อนแต่ละแห่งหลายวัน
กลุ่มที่ 2 จะเป็นการดึงนักท่องเที่ยวจากอินเดีย ซึ่งอินเดียเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพมีกำลังซื้อเข้ามาท่องเที่ยวในกระบี่อีกทั้งร้านอาหารโรงแรมมีอาหารอินเดียไว้คอยบริการกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้อยู่แล้ว จะต้องมาทดแทนนักท่องเที่ยวจีนซึ่งในปี 2562 ที่ผ่านมาคนจีนมาเที่ยวกระบี่มากถึง 500,000คน ส่วนในปี 2566 ที่ผ่านมาคนจีนมาเที่ยวเพียง 5,000 คนเท่านั้น
กลุ่มที่ 3 นักท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านคือมาเลเซียมาเลเซียนิยมเดินทางเที่ยวกระบี่ด้วยเหตุผลที่มีอาหารมุสลิม มีเครื่องหมายอฮาลาน ไว้คอยบริการ อีกทั้งการเดินทางก็ไม่ไกลมากจะพบว่าสถิตินักท่องเที่ยวมาเลเซียนิยมเดินทางมามาเที่ยวซ้ำที่จังหวัดกระบี่ สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามากระบี่ ล่าสุด มาเลเซีย สิงคโปร์ สวีเดน อินเดียและสหรัฐอาหรับอีมิเรต รัสเซีย นักท่องเที่ยวไทยก็จะเข้ามาช่วงโลว์ซีซันเพื่อเติมเต็ม
สิ่งที่ทาง ททท.กระบี่วางแผนไว้ร่วมผู้ประกอบการภาคเอกชนมองว่าอยากให้รัฐบาลจัดอีเวนต์ใหญ่ ๆ สักหนึ่งงานในปีถัดไปให้กระบี่ เพราะจะได้ดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลกและกลุ่มคนเข้ามาในพื้นที่ อย่างเช่น จังหวัดภูเก็ตได้อีเวนต์งานเอ็กซ์โป พังงาได้อีเวนต์งาน GTM จีทีเอ็มหรือไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ค ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยดึงนักท่องเที่ยวและเม็ดเงินเข้ามากระบี่ได้มาก
ในซีซันนี้ยังมีเที่ยวบินจากต่างประเทศ ทั้งเครื่องเช่าเหมาลำ เส้นทางบินประจำ ยังบินเข้ามายังกระบี่น้อย ดังนั้นการทำตลาดจึงมีความจำเป็น จุดขายของกระบี่คือการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน Sustainable Tourism สิ่งเหล่านี้ทำให้นักท่องเที่ยวสนใจที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวและพักผ่อนที่กระบี่
จากสถิตินักท่องเที่ยวปลายปี พบว่าจำนวนผู้เยี่ยมเยือนรวมทั้งปี 3,803,375 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวคนไทย 2,102,059 คน นักท่องเที่ยวต่างชาติ 1,701,316 คน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวจำนวน 52,500.70 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวคนไทย 22,213.90 ล้านบาท รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30,286.80 ล้านบาท สรุปอันดับรายได้เมื่อเทียบกับภาคใต้ทั้งหมด พบว่าจังหวัดกระบี่มีรายได้การท่องเที่ยวติด 1 ใน 5 โดยอยู่ในลำดับที่ 3