ทิศทางการท่องเที่ยวไทยปีนี้ในมุมมองของบิ๊กท่องเที่ยวไทย อย่าง MINT ซึ่งมีโรงแรมกว่า 540 แห่งทั่วโลก และจะเพิ่มเป็น 780 แห่งทั่วโลกในปี 2569 ที่สร้างธุรกิจกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งอีกครั้งหลังโควิด “วิลเลียม ไฮเน็ค” ประธานกรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT มีคำตอบ
แม้จะมีคนวิจารณ์ถึงสภาพเศรษฐกิจของไทยที่ยังไม่ได้เติบโตตูมตามมาก แต่สำหรับภาคการท่องเที่ยว ถือว่าเติบโตแข็งแกร่งในทุกส่วนของไมเนอร์ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร โรงแรม และไลฟ์สไตล์ เราเห็นผลประกอบการแข็งแกร่งตั้งแต่ปีที่แล้ว และมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่องในปี 2567 นี้
การเติบโตที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งได้รับอานิสงส์จากนโยบายของรัฐบาลที่ออกหลายมาตรการเอื้อต่อการผลักดันการท่องเที่ยวไทย อาทิ การขยายเวลาปิดสถานบันเทิง การสนับสนุนให้มีเที่ยวบินและสายการบินมากขึ้น ทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น การลดภาษีไวน์และ สุรา รวมถึงมาตรการยกเว้นวีซ่า (วีซ่าฟรี) สำหรับนักท่องเที่ยวจีน
“ผมมั่นใจสภาพเศรษฐกิจจะเติบโตต่อเนื่องแข็งแกร่ง โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรือร้านอาหาร เราไม่อยากให้ดูแค่ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเพียงอย่างเดียว ให้ดูคุณภาพด้านการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ หลังโควิด-19 การเดินทางท่องเที่ยวมีต้นทุนสูง ทั้งเรื่องของที่พัก ตั๋วเครื่องบินสูง คนที่จะเที่ยวได้ ต้องเป็นคนที่มี Quality (คุณภาพ) ไม่เหมือนก่อนเกิดโควิด”
ชัดเจนว่าในปีที่แล้วแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะเดินทางมาเที่ยวไทย ยังตํ่ากว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แต่การใช้จ่ายเยอะกว่าเดิม ในแง่ของรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักทั้งหมดของโรงแรม (RevPAR) ทั้งในไทยและต่างประเทศ เติบโตสูงกว่าก่อนเกิดโควิด-19 ไปแล้ว และเป็นการเติบโตแบบ Double-Digit เป็นผลจากความต้องการในการเดินทางที่เพิ่มขึ้น และราคาห้องพักที่สูงขึ้น
เฉพาะโรงแรมในไทยเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว เรามีอัตรา การเข้าพัก 75% มีค่าห้องเฉลี่ย (Average Daily Rate) เพิ่มขึ้น 10% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่วนพบว่าในช่วงม.ค.-ก.พ. ปีนี้ มียอดจองห้องพักของโรงแรมในไทยสูงกว่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20-30%
เช่นเดียวกับธุรกิจสายการบินแม้ผู้โดยสารจะยังน้อยกว่าก่อนเกิดโควิด แต่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่ซื้อตั๋วเครื่องบินก็เพิ่มขึ้น เราจะเห็นว่า ภาพการท่องเที่ยวของไทย เปลี่ยนจาก Mass Tourism มาเป็น Quality Tourism ซึ่งด้วยความที่ไมเนอร์ให้บริการโรงแรมในระดับอัพสเกล นักท่องเที่ยวกลุ่มลักชัวรีเดินทางเข้าไทย เราจึงได้นักท่องเที่ยวเข้ามาพัก ทั้งๆ ที่ในปีที่แล้วนักท่องเที่ยวจีนในภาพรวมยังเข้ามาไม่เยอะ แต่ก็เห็นทิศทางที่ดีหลังรัฐบาลออกมาตรการวีซ่าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวจีน เมื่อปีที่ผ่านมา
ไฮเน็ค ยํ้าว่า แนวโน้มการท่องเที่ยวไทยปี 2567 จะมาทาง Quality Tourism มากขึ้น แม้จำนวนนักท่องเที่ยว อาจจะยังไม่เท่ากับก่อนเกิดโควิด-19 แต่เราก็ยังจะเห็นภาพการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่อคนสูงขึ้น
โดยหลังมาตรการวีซ่าฟรีไทย-จีน ที่จะเริ่มในวันที่ 1 มี.ค.นี้ คิดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเข้าแรงแน่นอนเป็นปีที่ดี เราเริ่มเห็นสัญญาณตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ที่นักท่องเที่ยวจีน กลับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในการเดินทางมาเที่ยวไทย แซงนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เป็นอันดับ 1 ในปีที่แล้ว ผมมั่นใจว่าจีนจะกลับมา และยอดจองห้องพักของนักท่องเที่ยวจีนก็พุ่งขึ้นกว่าเท่าตัวด้วย
ไม่เพียงนักท่องเที่ยวจีนเท่านั้น นักท่องเที่ยวอินเดียที่เดินทางมาเที่ยวก็เป็นกลุ่มคุณภาพสูง มีการเริ่มใช้จ่ายมากขึ้น อาทิ การเข้ามาจัดอีเว้นต์ เช่น งานต่างงาน ก็จ่ายไม่อั้น แตกต่างจากภาพสมัยก่อน และเราเห็นพฤติกรรมการใช้จ่ายสูงขึ้นจากนักท่องเที่ยวหลายกลุ่ม
อีกทั้งด้วยความที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปประเทศต่างๆ ก็เป็นเหมือนทูตทางธุรกิจที่ดึงดูดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย เราต้องการให้มีการลงโครงสร้างพื้นฐาน เพราะไม่ใช่แค่ภาคท่องเที่ยว แต่ภาคอื่นก็จะเติบโตไปด้วย เพื่อทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของไทยโตต่อเนื่องได้ และที่ผ่านมารัฐบาลก็พยายามทำตัวเป็นกลาง สร้างสัมพันธ์ภาพและพัฒนาการทูตกับประเทศมหาอำนาจ ทั้งรัสเซีย จีน สหรัฐอเมริกา ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะการไม่มีความเสี่ยงทางการเมืองโลก จะทำให้เกิดเสถียรภาพ ที่จะนำไปสู่เศรษฐกิจที่ดี
อีกทั้งผมยังอยาก เสนอมาตรการที่อยากให้รัฐบาลสนับสนุนเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นท่องเที่ยว ได้แก่
ทั้งการถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย ล่าสุดก็มีเข้ามาถ่ายทำเรื่อง White Lotus Season 3 ในไทย เป็นสิ่งที่ดีเราต้องส่งเสริมต่อเนื่อง การผลักดันต่อเรื่อง กีฬา ดนตรี เช่น อาจใช้มาตรการทางการเงิน (Incentive) สนับสนุนการจัดคอนเสิร์ตระดับโลกในไทยให้มากขึ้น ดังเช่นสนับสนุนการถ่ายทำหนังและภาพยนตร์ในไทยมาแล้ว อาหารไทย กีฬามวยไทย Wellness กับ Medical Tourism ที่เป็นจุดเด่น รวมถึง LGBTQ+ ที่เปิดกว้างด้านความหลากหลายทางเพศทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดีกว่า ประเทศที่กีดกันเรื่องนี้
สำหรับเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ รัฐบาลตั้งเป้าไว้ 35 ล้านคน มั่นใจว่าน่าจะเกิน แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ท่องเที่ยวโลกด้วย ซึ่งเป็นผลมากจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีน แม้นักท่องเที่ยวในปีนี้จะยังไม่เท่ากับก่อนเกิดโควิด แต่จะเป็นกลุ่มคุณภาพเพิ่มขึ้น ไทยจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นจุดหมายอันดับต้นๆ ของโลก ทั้งกรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ภูเก็ต, สมุย เพราะมีเสน่ห์หลายอย่าง ทั้งธรรมชาติ, วัฒนธรรม, อาหาร, เรื่องของ Medical Tourism และอีเวนต์ต่างๆ เป็นต้น
ทั้งหมดเป็นภาพรวมการท่องเที่ยวในปีนี้ในมุมมองของบิ๊กท่องเที่ยว