วิทยุการบิน เผยสายการบินตกหลุมอากาศ ขอลงจอดไทย 4 เที่ยวบิน ในรอบ 10 ปี

ไม่เพียงแต่เครื่องบินโดยสารของสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ321 เส้นทางบินลอนดอน-สิงคโปร์ เครื่องบินตกหลุมอากาศอย่างรุนแรง เหนือน่านฟ้าประเทศเมียนมา  เมื่อ 21 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บกว่า 100 คน ต้องขอลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ล่าสุดบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย หรือ บวท. ได้เปิดเผยสถิติเที่ยวบินตกหลุมอากาศ และขอลงจอดไทย มีทั้งหมด 4 ครั้ง ในรอบ 10 ปี

วันนี้ (วันที่ 1 มิถุนายน 2567) นายสุรพงษ์  ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ติดตามการบริหารเหตุฉุกเฉินของไทย กำชับให้หน่วยงานในการกำกับดูแล ทำงานบูรณาการ เจาะลึกข้อมูลสถิติอุบัติการณ์ที่เกิดจากสภาพอากาศแปรปรวน (Turbulence)  พบสายการบินขอลงจอดฉุกเฉินในประเทศไทย เพียง 4 ครั้ง ในรอบ 10 ปี เน้นย้ำความพร้อมให้บริการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้การบินยังเป็นทางเลือกที่รวดเร็วและปลอดภัย

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ เปิดเผยว่า ได้ติดตามให้นโยบาย บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) หน่วยงานผู้ให้บริการการจราจรทางอากาศ ซึ่งเป็นหน่วยงานในการกำกับดูแล ให้เตรียมพร้อมรองรับทุกสถานการณ์ ทั้งในสถานการณ์ปกติที่เที่ยวบินเพิ่มสูงขึ้นและสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้โดยสารและอากาศยาน 

ทั้งเน้นย้ำเรื่องการประสานงานและติดตามข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยาการบินอย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาวางแผนการจัดการจราจรทางอากาศ รองรับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น รวมถึงให้ศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ Turbulence เส้นทางการบินที่พบหลุมอากาศบ่อยที่สุดในโลก มีความถี่ในการเกิดบ่อยหรือไม่ เท่าใด ทั้งขอรับทราบมาตรการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดของทุกเที่ยวบิน

นายสุรพงษ์  กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับประเทศไทย ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีรายงานอุบัติการณ์ที่เกิดจากสภาพอากาศแปรปรวน (Turbulence)  กับเครื่องบินพาณิชย์ จนมีผู้โดยสารและลูกเรือได้รับบาดเจ็บ ขอเปลี่ยนเส้นทางบิน (Divert) และขอมาลงจอดฉุกเฉินยังประเทศไทย จำนวน 4 ครั้ง

จากสถิติดังกล่าว จะเห็นได้ว่า การเกิดภาวะอุบัติการณ์จากสภาพอากาศแปรปรวน (Turbulence)  จนส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพของผู้โดยสาร มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก อย่างไรก็ตาม เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติตามนโยบายกระทรวงคมนาคม ที่มุ่งเน้นสร้างความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยในการเดินทางให้ประชาชน

อีกทั้งให้ทำงานแบบบูรณาการ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบินของประเทศไทย และพร้อมให้การสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือสายการบินกรณีฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้น ขอให้ผู้โดยสารมั่นใจได้ว่า การเดินทางทางอากาศว่ายังคงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับประเทศอีกด้วย