นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ซึ่งได้เข้าร่วมประชุมจัดสรรเวลาของสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ ครั้งที่ 154 ณ กรุงโบโกตา สาธารณรัฐโคลอมเบีย เมื่อเดือนมิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา เพื่อจัดสรรเวลาเที่ยวบินในกำหนดการบินตารางบินประจำฤดูหนาว ปี 2567 และ 2568
โดยมีสายการบินที่ขอทำการบิน ณ ท่าอากาศยานกระบี่ รวม 13 สายการบิน แบ่งเป็น
นายสุริยะ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ ทย. เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้นดังกล่าว โดยให้ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่วางแผนรองรับการให้บริการเที่ยวบินและผู้ใช้บริการที่จะเพิ่มมากขึ้น
พร้อมทั้งกำชับให้จัดบุคลากรอำนวยความสะดวกในจุดต่าง ๆ ต้องเพียงพอกับจำนวนผู้ใช้บริการ ตรวจเช็กสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยานให้มีประสิทธิภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
รวมถึงประชาสัมพันธ์การให้คำแนะนำวิธีการใช้ระบบตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่องด้วยตนเอง (CUPPS) แก่ผู้โดยสาร เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ช่วยลดความแออัดของผู้โดยสาร และให้ ทย. นำข้อมูล ข้อเสนอแนะของสายการบินที่ได้รับจากการเข้าร่วมการประชุมฯ มาปรับปรุงการดำเนินงานและเตรียมความพร้อมในการวางแผนพัฒนาท่าอากาศยานอย่างต่อเนื่อง
การเปิดเส้นทางระหว่างประเทศที่จะเพิ่มขึ้นถือเป็นการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการบิน (Aviation Hub) และเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรองของประเทศไทยอีกด้วย
นายดนัย เรืองสอน วิศวกรใหญ่ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้านวิศวกรรมโยธา รักษาราชการแทน อธิบดี ทย. กล่าวเพิ่มเติมว่า สายการบินที่ขอทำการบิน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ แบบเที่ยวบินประจำ 10 สายการบิน ได้แก่
เที่ยวบินเช่าเหมาระหว่างประเทศ 3 สายการบิน ได้แก่
ทั้งนี้คาดการณ์ว่าจะมีเที่ยวบินระหว่างประเทศมากกว่า 160 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
นอกจากนี้ ยังมีสายการบินที่สอบถามข้อมูลท่าอากาศยานเพื่อนำไปทำแผนการบิน ได้แก่ Eastar Jet และ Spring Airlines
ในปี 2566 ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ มีสายการบินให้บริการในเส้นทางระหว่างประเทศ จำนวน 5 สายการบิน รวมทั้งสิ้น 3,006 เที่ยวบิน มีผู้ใช้บริการขาเข้า - ขาออก รวมกว่า 430,000 คน
ทย. ยืนยันความพร้อมของศักยภาพในการรองรับสายการบิน และผู้ใช้บริการจากต่างประเทศที่คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น ด้วยอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่มีพื้นที่รวมทั้งหมด 68,000 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้ใช้บริการ ได้ 3,000 คน/ชั่วโมง หรือ 8,000,000 คน/ปี มีความยาวทางวิ่งขนาด 3,000 x 45 เมตร ทางขับขนานรองรับการขึ้นลงของอากาศยานได้ 25 ลำ/ชั่วโมง ลานจอดรองรับอากาศยานขนาด B737 หรือ A330 ได้ 34 ลำ
อีกทั้งยังมีอาคารจอดรถยนต์ที่สามารถจอดรถได้ 2,000 คัน ซึ่งจะเร่งรัดให้เปิดใช้บริการภายในปี 2568 รวมถึงการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและนำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้งานภายในท่าอากาศยานเพื่ออำนวยความสะดวกเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการด้วย