นางปัทมา ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการพาณิชย์ บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ หรือ NEO) ผู้ทำการตลาด ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค (FMCG) เปิดเผยว่า ถึงการสร้างแลนด์สเคปใหม่มุ่งขยายโอกาสส่งมอบสินค้าอุปโภคของประเทศไทยไปสู่ระดับนานาชาติ
รับกับตลาดสินค้าอุปโภคมีศักยภาพเติบโตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยคาดการณ์ว่า ปี 2566-2568 ตลาดผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือนจะเติบโตเฉลี่ย 9% รวมไปถึงมองโอกาสการเติบโตกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล
ในตลาดเอเชียใต้ ที่คาดการณ์เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 8.0% ส่วนตะวันออกกลาง และแอฟริกา เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 15.1% ในช่วงปี 2566 – 2568
แผนธุรกิจ 5 ปี (2567-2571) ในส่วนของตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ มุ่งเน้นการส่งมอบสินค้าอุปโภคทั้งหมด 8 แบรนด์ จาก 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก
อีกทั้งบริษัทขยายประเทศส่งออกมากขึ้น โดยมุ่งเจาะตลาดเอเชียใต้และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยในปีนี้คาดว่าเพิ่มประเทศส่งออกอย่างน้อย 7 ประเทศ ซึ่งครึ่งปีแรก ส่งออก 4 ประเทศใหม่ ได้แก่ กาตาร์ บาร์เรห์ ปากีสถาน และ อัฟกานิสถาน และที่กำลังเจรจาอีก 2 ประเทศในตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออก 2 ประเทศ
โดยสินค้าเรือธงหลักที่เข้าไปเจาะตลาดคือ กลุ่มสินค้าเด็กแบรนด์ Dee Nee นอกจากนั้น ในประเทศที่ส่งออกแล้ว บริษัทจะส่งสินค้าแบรนด์ใหม่และโปรดักส์อื่นเพิ่มเติม ทั้งนี้ตลาดเวียดนามเป็นตลาดสำคัญ ที่มียอดขาย 50% ของรายได้ส่งออก
ทั้งนี้พร้อมรุกตลาดต่างประเทศภายใต้กลยุทธ์ dual tracks ได้แก่
นางสาวณิศรา ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายปฏิบัติการ NEO เปิดเผยว่า ความสำเร็จด้านการเป็นผู้นำการสร้างสรรค์นวัตกรรมของ NEO สามารถตอกย้ำการเติบโตให้กับบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยปี 2565-2566 ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัทฯ มีการเติบโต ดังนี้
เพื่อการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศในช่วง 5 ปีข้างหน้า บริษัทฯ วางแผนยกระดับกระบวนการผลิตและขยายกำลังการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 400,000 ตันต่อปี จากปัจจุบันประมาณ 230,000 ตันต่อปี
นอกจากนี้ ภายในโรงงานยังมุ่งเน้น ESG (Environmental, Social and Governance) ทั้งวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้บรรจุภัณฑ์จากวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุธรรมชาติ โดยวางเป้าหมาย NEO ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20% ภายในปี 2573 เพื่อสร้างโลกที่สะอาดและอนาคตที่ยั่งยืน
นางสาวภัทร์ชนก วรศักดิ์โยธิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน NEO เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าต่อยอดพันธกิจสร้างความสำเร็จตามเป้าหมายการเติบโต Double Digits แบบทั้งปี โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 สร้างประวัติศาสตร์รายได้จากการขาย ทะลุ 2,494 ล้านบาท เติบโต 9%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัท 269 ล้านบาท เติบโต 72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 2567) มีรายได้จากการขายรวม 4,966 ล้านบาท เติบโต 9% และกำไรสุทธิส่วนของบริษัท 537 ล้านบาท เติบโต 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยมาจากบริษัทฯ นำเสนอนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ การปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิมให้มีคุณสมบัติที่ดีขึ้นและมุ่งขยายสินค้าในพอร์ตโฟลิโอกลุ่มระดับแมสไปสู่ระดับพรีเมียมแมส ส่งผลให้เพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ พร้อมทั้งดำเนินการสื่อสารทางการตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างครบวงจร
นางสาวณิชมน ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายนวัตกรรมธุรกิจ NEO กล่าวว่า NEO มองเห็นโอกาสที่จะพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกไลฟ์สไตล์และทุกช่วงวัย จากพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันใส่ใจดูแลตัวเองและให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า
จึงมีแนวโน้มเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะทางที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสร้างความพึงพอใจได้อย่างตรงจุด ยินดีจ่ายแพงขึ้นสำหรับสินค้าที่คุ้มค่ากว่า NEO โดยตั้งเป้าภายใน 3 ปี (2567-2569) สัดส่วนรายได้ของผลิตภัณฑ์พรีเมียมแมส (Premium Mass) ของบริษัทฯ เพิ่มเป็น 10% ของพอร์ตฟอลิโอและคาดการณ์สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศประมาณเพิ่มจาก 10% เป็นมากกว่า 15% ซึ่งนับว่าเป็นเป้าหมายใหญ่ที่น่าสนใจ