อัดอินเซ็นทีฟเพิ่มเงินคืน 30 % ดึงต่างชาติถ่ายหนังในไทย ดันรายได้ 7 พันล้าน

22 ต.ค. 2567 | 21:05 น.

กระทรวงท่องเที่ยวฯ ชงครม.อัดอินเซ็นทีฟเพิ่มเงินคืนสูงสุด 30 % ดึงผลิตภาพยนตร์จากต่างประเทศ ถ่ายทำหนังในไทย ดันรายได้ปีนี้ทะลุ 7 พันล้านบาท ด้านททท.สบช่องเน้นกลยุทธมูฟวี่ มาร์เก็ตติ้ง

ประเทศไทยจัดว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากทั่วโลก ซึ่งในแต่ละปีจะมีผู้ผลิตภาพยนตร์จากต่างประเทศ เข้ามาถ่ายทำในไทยเฉลี่ยปีละกว่า 400-500 เรื่อง สร้างรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

โดยในปี 2566 สร้างรายได้จากการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย อยู่ที่ 6,600 ล้านบาท และในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 7,000 ล้านบาท

ต่างชาติถ่ายภาพยนตร์ในไทย

ล่าสุดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีนโยบายผลักดันให้เกิดการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทยมากขึ้น โดยจะเสนอครม.เพิ่มวงเงินการขอคืนเงินตามมาตรการอินเซ็นทีฟ จากสูงสุด 20% เพิ่มเป็นสูงสุด 30% และไม่มีการจำกัดวงเงินคืน เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการสร้างแรงจูงใจ ให้เข้ามาถ่ายทำในไทยเพิ่มขึ้น

 

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในขณะนี้มอบหมายให้กรมการท่องเที่ยว ไปดำเนินการทบทวนการจัดทำโครงการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับกองถ่ายต่างประเทศมากขึ้นกว่าในปัจจุบัน โดยเฉพาะการถ่ายทำภาพยนตร์ในเมืองท่องเที่ยวโดยจะเพิ่มมาตรการ อินเซ็นทีฟ Incentive

จากปัจจุบันที่คืนเงินในการถ่ายทำทั้งหมด สูงสุดไม่เกิน 20% จะเพิ่มเป็นขั้นบันไดสูงสุดเป็น 30% สำหรับต่างชาติที่เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย พร้อมยังกระตุ้นให้มาถ่ายภาพยนตร์ในพื้นที่เมืองรอง

สรวงศ์ เทียนทอง

นอกจากนี้ยังจะมีการหารือถึงการสนับสนุนวงการภาพยนตร์เมืองไทย ซึ่งทางวงการนี้ก็ต้องการเรื่องของอินเซ็นทีฟเช่นกัน ทางกรมการท่องเที่ยวก็อยู่ระหว่างการพิจารณาสนับสนุนการถ่ายทำละครไทย ภาพยนตร์ไทยด้วยเช่นกัน

นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า มาตรการ Incentive เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในการนำเงินเข้ามาลงทุนถ่ายทำในประเทศไทย ที่ผ่านมาหลายประเทศทั่วโลกคิดค้นมาตรการจูงใจในรูปแบบต่างๆ เพื่อดึงดูดให้ผู้สร้างภาพยนตร์เข้ามาลงทุนในประเทศของตน

เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ไอซ์แลนด์ อินเดีย กรีซ ที่มีมาตรการในรูปแบบ Cash Rebate หรือฮังการี ฝรั่งเศส ที่จัดทำในรูปแบบ Tax Rebate และออสเตรเลีย สเปน อังกฤษ ที่มีมาตรการในรูปแบบ Tax Credit

สำหรับประเทศไทย กรมการท่องเที่ยว โดยกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ (TFO Thailand Film Office) หน่วยงานที่มีภารกิจส่งเสริมและสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย ได้รับงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างแรงจูงใจให้กับกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ด้วยมาตรการ Incentive 15 - 20 % ซึ่งปัจจุบันมาตรการดังกล่าวได้รับการยอมรับจากนานาประเทศว่ามีความน่าเชื่อถือ จ่ายเร็ว และจ่ายจริง

มาตรการอินเซ็นทีฟ (Incentive) ของประเทศไทยในรูปแบบ Cash Rebate ประกาศใช้เมื่อปี 2560 ซึ่งเป็นมาตรการที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศว่ามีประสิทธิภาพ ไม่ซับซ้อน กองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศที่ประสงค์ขอรับสิทธิประโยชน์การคืนเงินจากมาตรการดังกล่าว จะต้องมีค่าใช้จ่ายในประเทศไทย ซึ่งจ่ายให้กับบุคคลหรือนิติบุคคลไทยตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป และเข้าเงื่อนไขต่าง ๆ ตามที่กำหนด สามารถรับเงินคืนสูงสุด 20 %โดยจำกัดวงเงินคืนไม่เกิน 150 ล้านบาทต่อเรื่อง

ต่างชาติถ่ายหนังในไทย

สำหรับมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์กองถ่ายหนังต่างประเทศในไทย มีการปรับรายละเอียดการคืนเงินแบบขั้นบันได คือ 

  • ลงทุนไม่เกิน 50 ล้านบาท คืน 15%
  • ลงทุนไม่เกิน 100 ล้านบาท คืน 20%
  • ลงทุนไม่เกิน 150 ล้านบาท คืน 25% 
  • รวมถึงพิจารณาจากเงื่อนไขอื่นๆ ซึ่งมีการปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์เช่นกัน อาทิ การจ้างงานคนไทย 5% จากเดิม 3%
  • การจ้างโพสต์โปรดักชั่นในประเทศ 3% จากเดิม 2%
  • โดยเมื่อรวมกับสิทธิประโยชน์เหล่านี้แล้วอัตราการคืนเงินต้องไม่เกิน 30% 
  • ปรับปรุงเงื่อนไขการขอสิทธิประโยชน์จากเดิมจะต้องถ่ายทำในโลเคชั่นของประเทศไทยไม่น้อยกว่า 50% ลดลงเป็นไม่น้อยกว่า 20%

สำหรับปี 2567 นี้ มีภาพยนตร์ ซีรีส์ และรายการโทรทัศน์ ที่มีชื่อเสียงได้รับเงินคืนแล้ว อาทิ ภาพยนตร์ไซไฟโลกอนาคต The Creator ซีรีส์ภาคต่อชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา S.W.A.T. season 6 ภาพยนตร์ฉลามยักษ์ที่ได้รับความนิยมจากผู้ชมทั่วโลก Meg 2 : The Trench ภาพยนตร์โรแมนติกคอมมาดี้ที่ถ่ายทอดความสวยงามของเมืองภูเก็ต Mother of the Bride และมินิซีรีส์ดราม่าตลกแนวประวัติศาสตร์ The Sympathizer

อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขณะนี้ยังมีภาพยนตร์ต่างประเทศและซีรีส์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้ยื่นความประสงค์ขอรับเงินคืนตามมาตรการ Incentive อีกจำนวนกว่า 22 เรื่อง คาดการณ์ว่าในปีนี้จะสร้างรายได้เข้าประเทศมากกว่า 7,053 ล้านบาท

ถือเป็นการตอกย้ำว่าประเทศไทยมีศักยภาพ มีความพร้อมในการรองรับกองถ่ายทำภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่มีเงินลงทุนถ่ายทำสูง และเป็นศูนย์กลางการถ่ายทำภาพยนตร์ในระดับภูมิภาค

กรมการท่องเที่ยว พร้อมสนับสนุนและส่งเสริมมาตรการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย (Incentive Measures) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้มากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทางเศรษฐกิจ สร้างงานให้กับบุคลากรในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง สามารถกระจายรายได้ ไปสู่ชุมชนท้องถิ่น

รวมถึงผลักดัน Soft Power วัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทยไปสู่สายตาผู้ชมภาพยนตร์ทั่วโลก และเกิดการท่องเที่ยวตามรอยสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ต่อไป นายจาตุรนต์ กล่าวทิ้งท้าย

อย่างไรก็สำหรับการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ของต่างประเทศในไทยในปีนี้ ที่ฮือฮามาก อาทิ Jurassic World 4 หรือ จูราสสิค เวิลด์ ภาค 4 มาถ่ายทำภาพยนตร์ ในประเทศไทย ซึ่งจะมีการถ่ายทำหนังในพื้นที่ จ.กระบี่ และจ.ตรัง

ซีรีส์เรื่อง The White Lotus ซีซั่น 3 ที่มี “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” หรือ “ลิซ่า BLACKPINK” ร่วมแสดง ซึ่งถ่ายทำที่กรุงเทพฯ ภูเก็ต เกาะสมุย

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ให้ความสำคัญในเรื่องของ Movie Marketing โดยการจับกระแสตามรอยภาพยนตร์ ซี่งในปีนี้มีภาพยนตร์ต่างประเทศชั้นนำเข้ามาถ่ายทำในไทยเพิ่มขึ้น

ไม่ว่าจะเป็น จูราสสิค เวิล์ด ซึ่งนอกจากการทำการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามรอยหนังแล้ว ก็จะทำการตลาดผ่านอินฟูลเอนเซอร์ อย่าง สการ์เลตต์ โจแฮนส์ นักแสดงนำ และการโปรโมท Home Sweet Home เพื่อดึงให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทย เป็นต้น

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,038 วันที่ 24 - 26 ตุลาคม พ.ศ. 2567