การเดินทางท่องเที่ยวช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ 2568 นี้เป็นไปอย่างคึกคัก ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมในเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ตีปีกบุ๊กกิ้ง พุ่ง 80-95 % จากต่างชาติเที่ยวไทย และไทยเที่ยวไทย เช่นเดียวกับการเดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศของคนไทยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในช่วงปีใหม่นี้คาดว่าจะอยู่ที่ราว 2 แสนคน
ขณะที่ในช่วงวันที่ 27 ธันวาคม 2567 - 2 มกราคม 2568 รวม 7 วัน บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) คาดว่าจะมีเที่ยวบินเข้า-ออกสนามบินของไทยรวมกว่า 18,280 เที่ยวบิน เฉลี่ย 2,611 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสนามบินสุวรรณภูมิจะมีเที่ยวบินสูงสุดอยู่ที่ 7,500 เที่ยวบิน ตามมาด้วยสนามบินดอนเมือง 4,920 เที่ยวบิน สนามบินภูเก็ต 2,580 เที่ยวบิน เชียงใหม่ 1,410 เที่ยวบิน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงดังกล่าวรวมกว่า 62,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 23 % โดยประเมินว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 1.56 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16% สร้างรายได้ 45,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20%
ส่วนตลาดในประเทศ หรือไทยเที่ยวไทย คาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 4.41 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 29% สร้างรายได้ท่องเที่ยว 17,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30%
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าจากข้อมูลการจองบัตรโดยสารเครื่องบินล่วงหน้ามายังประเทศไทย ระบบ Forwardkeys ในเดือนธันวาคม ที่เริ่มเข้าสู่ “เทศกาลปีใหม่ 2568” ชี้ให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติมีการจองเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงคริสต์มาสต่อเนื่องปีใหม่
โดยนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกล มีวันพักเฉลี่ยต่อทริปในไทยราว 14 วันขึ้นไป/ทริป โดยเฉพาะตลาดภูมิภาคอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา นักท่องเที่ยวตลาดระยะกลาง-ระยะใกล้ - มีวันพักเฉลี่ยต่อทริปในไทยประมาณ 6-10 วัน/ทริป ซึ่งในช่วงปีใหม่นี้ พบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่มีแนวโน้มจองการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ เกาะสมุยและกระบี่
นักท่องเที่ยวจาก 3 ภูมิภาคที่เดินทางเที่ยวไทยสูงสุดจะมาจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ อาเซียน และยุโรป สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 อาทิ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน อินเดีย มาเลเซีย รัสเซีย สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกาและเยอรมนี
เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนอย่างมาตรการ Ease of Traveling ส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยได้สะดวกและคล่องตัวขึ้น (การยกเว้นการตรวจลงตรา 93 ประเทศ การยกเว้นยื่นใบ ตม. 6 ด่านทางบก-ทางน้ำ รวม 16 ด่าน)
การเปิดเที่ยวบินใหม่อย่างน้อย 30 เที่ยวบิน เพื่อรองรับความต้องการเดินทางจากตลาดจีน เกาหลีใต้ อินเดีย สแกนดิเนเวีย (สวีเดน เดนมาร์ก นอร์เวย์) เบลเยียมซาอุดีอาระเบีย ออสเตรเลีย เข้าสู่เมืองท่องเที่ยวกรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต และกระบี่
การจัดกิจกรรมระดับ World Class Event อย่างเคาท์ดาวน์ ของ ททท. ร่วมกับพันธมิตร ซึ่งจะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก และการจัดอันดับให้หลายเมืองของไทย เช่น กรุงเทพ เชียงใหม่ สมุย ภูเก็ตและกระบี่ เป็นจุดหมายปลายทางเพื่อการท่องเที่ยวจากสื่อและนิตยสารท่องเที่ยวของโลก และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ทำให้กระตุ้นการตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวไทย
สำหรับไทยเที่ยวไทย ททท.ก็คาดว่าจะคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากที่สุด โดยมีประมาณ 1,079,600 คน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 35% รองลงมาคือ ภาคเหนือ 909,300 คน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 45 % และ ภาคตะวันออก 757,000 คน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 18%
ส่วนใหญ่เป็นการเดินทางกลับภูมิลำเนาพบปะสังสรรค์กับญาติพี่น้อง พาครอบครัวไปทำบุญ ไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต โดยท่องเที่ยวทั้งแบบพักค้างและแบบเช้าไปเย็นกลับ และส่วนใหญ่เที่ยวภายในภูมิภาคเป็นหลัก ขณะที่ภูมิภาคที่สร้างรายได้มากที่สุดคือ ภาคเหนือ 4,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% รองลงมาคือ ภาคใต้ 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29 % และกรุงเทพฯ 2,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26%
ขณะเดียวกันททท.ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรภาคเอกชน จัดกิจกรรมแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2568 “Amazing Thailand Countdown 2025” ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ขอนแก่น ชลบุรี และสงขลา คาดว่า บรรยากาศทางการท่องเที่ยวดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าทั้ง 5 พื้นที่จะมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 1.58 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 17 % และสร้างรายได้ 8,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19 %
โดยกิจกรรมที่ททท.จัดเอง คือ งาน Amazing Thailand Countdown 2025 ในวันที่ 28 ธันวาคม 2567-1 มกราคม 2568 ณ สวนนาคราภิรมย์ กรุงเทพ และ งาน Amazing Chiang Mai Countdown 2025 ในวันที่ 21 ธันวาคม 2567 - 1 มกราคม 2568 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่
รวมถึงการสนับสนุนการจัดงานเคาท์ดาวน์ของภาคเอกชนทั่วไทย อาทิ งาน Amazing Thailand Countdown 2025 ไอคอน สยาม เคาท์ดาวน์ของศูนย์การค้า Central World ที่จะมีการจุดพลุเฉลิมฉลองครั้งใหญ่
รวมทั้งการจัดกิจกรรมแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินนักร้องที่มีชื่อเสียงทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้แก่ “ลิซ่า” ณ ศูนย์การค้า ICON SIAM และ “แบมแบม” ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้บรรดาด้อมลิลี่ของลิซ่า กลุ่มอากาเซ่และแบมมี่ของแบมแบม เดินทางและพักค้างในพื้นที่ที่จัดงานเป็นจำนวนมาก
นายศึกษิต สุวรรดิษฐกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวว่า ยอดบุ๊คกิ้งโรงแรมภูเก็ตในช่วงคริสต์มาสถึงปีใหม่นี้ มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 90 % ขึ้นไป โดยนักท่องเที่ยวส่วนมากจะเป็นรัสเซีย จีน อินเดีย ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร คาซัคสถาน ซึ่งจากดีมานด์การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมในภูเก็ตสามารถปรับราคาห้องพักเพิ่มขึ้นได้ 15-20% ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19
นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมการค้าวิศิษฎ์ล้านนา เพื่ออุตสาหกรรมไมซ์ และการท่องเที่ยว เผยว่า การท่องเที่ยวของเชียงใหม่ในช่วง 2 สัปดาห์ ตั้งแต่คริสต์มาสต่อเนื่องถึงปีใหม่นี้เป็นไปอย่างคึกคัก โรงแรมในเชียงใหม่มียอดจองเข้าพัก 85-9 % โดยเป็นคนไทย 50% และต่างชาติ 50 % แตกต่างจากที่ผ่านมา ซึ่งปีใหม่จะมีคนไทยมาเที่ยวเชียงใหม่อยู่ที่ 70% และต่างชาติอยู่ที่ 30 %
ที่เป็นเช่นนี้เพราะจำนวนเที่ยวบินในประเทศเข้าเชียงใหม่ปัจจุบันอยู่ที่ 70 เที่ยวบินต่อวัน ยังไม่ฟื้นกลับมาเหมือนก่อนเกิดโควิดที่อยู่ที่ 120 เที่ยวบินต่อวัน ส่งผลให้ราคาตั๋วเครื่องบินในประเทศมีราคาสูง ทำให้คนไทยที่มีกำลังซื้อในการเดินทางท่องเที่ยวเลือกที่จะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศกันเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่การเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวเชียงใหม่ จะมาจากอาเซียน และตลาดระยะใกล้เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีการเปิดเที่ยวบินตรงเข้าเชียงใหม่มากขึ้น อาทิ จากญี่ปุ่นเข้าเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงใหม่ก็มีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว อาทิ งานดอกไม้ Charming Chiang Mai FlowerFestival 2025 งาน Amazing Chiang Mai Countdown 2025 วันที่ 21-31 ธันวาคม 2567 ที่จัดงานถึง 11 วัน และมีแบมแบม GOT 7 มาร่วมงานด้วย ก็จะทำให้แฟนคลับเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ด้วย
ด้านอโกด้า แพลตฟอร์มจองห้องพักออนไลน์ระดับโลก ยังเปิดเผยว่าในช่วงปีใหม่นี้ กรุงเทพฯได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากโตเกียว ตามมาด้วย ไทเป พัทยา และโอซาก้า และนักท่องเที่ยวไทย วางแผนเที่ยวกรุงเทพฯ เขาใหญ่ เชียงใหม่ และหัวหิน/ ชะอำ และมองการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ คือ โตเกียว ฮ่องกง ไทเป เซี่ยงไฮ้ และโอซาก้า
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) สมาคมด้านทัวร์เอ้าท์บาวด์เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 นี้ คนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ทั้งเดินทางเที่ยวเองและเดินทางเที่ยวผ่านบริษัททัวร์ อยู่ที่ราว 2 แสนคน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงปีใหม่ 2567 เนื่องจากจำนวนเที่ยวบินยังไม่กลับมาเท่ากับก่อนเกิดโควิด เกิดการใช้จ่ายในต่างประเทศราว 1 หมื่นล้านบาท เฉลี่ยการใช้จ่ายต่อคนอยู่ที่5 หมื่นบาทต่อทริป
5 ประเทศแรก ที่คนไทยนิยมเดินทางไปเที่ยวมากที่สุด อันดับ 1 จะเป็นญี่ปุ่น อันดับ 2 จีน อันดับ 3 เวียดนาม อันดับ 4 มาเลเซีย อันดับ 5 ลาว ซึ่งการที่คนไทยนิยมเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นมากที่สุด เกิดจาก 2 ปัจจัยหลักที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเดินทางไปเที่ยวของคนไทย ได้แก่ มาตรการวีซ่าฟรี ทำให้คนไทยเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และ เงินเยนอ่อนค่า
ขณะที่จีน ก็มาแรงคนไทยนิยมเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่ต้องมีวีซ่า และค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวไม่สูง ส่วนการเดินทางไปเที่ยวยุโรปส่วนปีใหม่นี้ ก็มีบ้าง แต่ไม่ได้มากนัก เนื่องจากมีราคาค่อนข้างสูง คนไทยส่วนใหญ่จึงเลือกเดินทางไปเที่ยวยุโรปในช่วงก่อนหน้านี้แทน
ทั้งนี้การเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศของคนไทยในช่วงปีใหม่ จุดหลักเป็นเพราะเป็นช่วงหยุดยาวและวางแผนไปเที่ยวต่างประเทศทุกปีอยู่แล้ว ส่วนอีกเหตุผลรองลงมา คือ บางคนมองว่าการเดินทางเที่ยวในประเทศมีราคาแพงกว่าเที่ยวต่างประเทศ จึงตัดสินใจเที่ยวต่างประเทศแทน โดยตลอดทั้งปีนี้ทีทีเอเอ ประเมินว่าจะมีคนไทยเดินทางเที่ยวต่างประเทศราว 13-14 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 6 %
สอดคล้องกับความเห็นของนายธนพล ชีวรัตนพร อุปนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) และเจ้าของบริษัททัวร์ ควอลิตี้ เอ็กซ์เพรส เผยว่า ยอดขายทัวร์เที่ยวต่างประเทศของบริษัทตั้งแต่ช่วงคริสต์มาสต์ต่อเนื่องถึงช่วงปีใหม่นี้ เฉลี่ยเติบโตราว 20 % โดยส่วนมากนิยมเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น และ จีน ซึ่งแพ็กเกจขายทัวร์ไปจีน ถือว่าเติบโตสูงสุดอยู่ที่ราว 70 %
เนื่องจากคนไทยเดินทางเข้าไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องมีวีซ่าเหมือนในอดีต และจำนวนที่นั่งบนเครื่องบินในเส้นทางบินระหว่างไทย-จีน ยังมีที่นั่งในการขายได้มาก เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยยังไม่สูงเท่าเดิมจึงมีที่นั่งในการขายทัวร์ออกไปได้มากกว่า ประกอบกับราคาแพ็กเกจทัวร์เที่ยวจีนราคาไม่แพง 2 หมื่นกว่าบาทก็อยู่ได้ 5 วัน ซึ่งถูกกว่าเที่ยวในประเทศโดยเครื่องบินเสียอีก