ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้(4 ต.ค.)ว่า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างต่อเนื่องด้วยความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบความยากลำบากจากอุทกภัยที่เกิดจากอิทธิพลของโนรูและฝนที่ตกหนักในพื้นที่และได้สั่งการให้กรมชลประทานเร่งระดมกำลังคนเครื่องจักรกลเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทุกจังหวัดโดยบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐและท้องถิ่นเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด
สำหรับจังหวัดลุ่มเจ้าพระยา จังหวัดปริมณฑลและกรุงเทพมหานครได้เร่งผันน้ำลงทะเลโดยกรมชลประทานได้ระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่อย่างน้อย 220 เครื่องที่ติดตั้งตามสถานีสูบน้ำและประตูระบายน้ำสูบน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งตะวันตก สูบน้ำลงแม่น้ำนครนายกและแม่น้ำบางปะกงทางฝั่งตะวันออกและสูบลงอ่าวไทยทางทิศใต้ คิดเป็นปริมาณ วันละ 45 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 525 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และกำลังติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เพิ่มเติมอีก
ทั้งนี้หากรวมปริมาตรน้ำที่กรมชลประทานสูบน้ำและผันน้ำล่วงหน้ารองรับฤดูฝนตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคมจนถึงวันนี้มีจำนวนเกือบ 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตรเปรียบเทียบเท่ากับปริมาณน้ำกว่า2เท่าครึ่งของความจุเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์และยังเร่งรัดผลักดันน้ำลงทะเลอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการบริหารจัดการน้ำทั้งตอนเหนือและใต้เขื่อนเจ้าพระยาได้ผันน้ำทุกช่องทางทั้งฝั่งตะวันตก ฝั่งตะวันออกและฝั่งใต้รวมทั้งพื้นที่แก้มลิงลงทุ่งที่เตรียมไว้โดยให้มีผลกระทบต่อประชาชนและเกษตรกรน้อยที่สุดพร้อมกำชับให้ดำเนินการกำจัดผักตบชวาและสิ่งกีดขวางทางน้ำตลอดเส้นทางน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำและเปิดทางให้น้ำไหลได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทานสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำในพื้นที่ให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง