นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตรมีนวัตกรรมทางการเกษตรในการกำจัดศัตรูพืช เพื่อผลิตอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคทั้งในประเทศและส่งออก ซึ่งเป็นการดำเนินการที่สอดรับตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ประเด็นการพัฒนาภาคการเกษตรให้ส่งเสริมและเร่งขยายผลแนวคิดการทำเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
โดยควบคุมการใช้สารเคมีการเกษตรที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพทดแทนสารเคมีเกษตรให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งใช้สารเคมีทางการเกษตรอย่างเหมาะสมตามหลักวิชาการเพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
กรมวิชาการเกษตรจึงได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลสนับสนุนการผลิตอาหารที่ปลอดภัยต่อเกษตรกร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม โดยวิจัยและพัฒนาสารสกัดธรรมชาติ ชีวภัณฑ์ เครื่องจักรกลทางการเกษตร ปุ๋ยชีวภาพ การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ มาใช้สนับสนุนเป็นปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่มีความปลอดภัยและสามารถผลิตใช้ได้เองภายในประเทศ
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ผลการดำเนินการด้านชีวภัณฑ์ต่าง ๆ ของกรมวิชาการเกษตรและของบริษัทที่มาขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร ในการควบคุมศัตรูพืช (วัชพืช แมลง โรคพืช) ได้แก่ กลุ่มควบคุมวัชพืช สารสกัดจากยูคาลิปตัส ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้ขึ้นทะเบียนสารสกัดจากยูคาลิปตัสเป็นสารกำจัดวัชพืชประเภทใบแคบ เช่น หญ้าขจรจบดอกเล็ก หญ้าตีนนก และวัชพืชประเภทใบกว้าง
เช่น บาหยา และสาบม่วง และวัชพืชประเภทกก เช่น กกตุ้มหู และยังมี สารสกัดแมงลักป่า ซึ่งเป็นผลงานของสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช และกองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร โดยได้ต้นแบบผลิตภัณฑ์เป็นสูตรสารละลายน้ำมันเข้มข้น 2 สูตร
กลุ่มควบคุมแมลงศัตรูพืช ได้แก่ ราเขียวเมตาไรเซียม ป้องกันกำจัดด้วงแรดซึ่งเป็นศัตรูสำคัญในมะพร้าวและพืชตระกูลปาล์ม และด้วงหนวดยาวศัตรูสำคัญในอ้อย ไส้เดือนฝอยศัตรูแมลง ใช้ควบคุมแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด เชื้อแบคทีเรียบีที ใช้ในการควบคุมหนอนผีเสื้อศัตรูพืช ไวรัสเอ็นพีวี ใช้ควบคุมหนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม และหนอนเจาะสมอฝ้าย
นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์สารกำจัดแมลงศัตรูพืช จากสารสกัดพืช รูปแบบใหม่ 2 ชนิด เป็นผลิตภัณฑ์สูตรผสม สะเดา+หางไหล และ ว่านน้ำ+หางไหล ด้วยนวัตกรรมการผลิตแบบนาโนเทคโนโลยี โดยพัฒนาระบบนำส่งสารออกฤทธิ์ที่สำคัญให้มีอนุภาคขนาดเล็กมากในระดับนาโน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแทรกซึมเข้าสู่ตัวแมลงศัตรูพืชเป้าหมาย และกระจายตัวเข้าสู่ในใบพืชได้ดียิ่งขึ้น
สามารถออกฤทธิ์ในการควบคุมหนอนใยผักที่เป็นแมลงศัตรูสำคัญที่ทำความเสียหายกับคะน้าและพืชตระกูลกะหล่ำ กลุ่มที่ควบคุมเชื้อสาเหตุโรคพืช ได้แก่ เชื้อแบคทีเรียบีเอส ใช้ควบคุมโรคแอนแทรคโนส ในพริก มะม่วง โรคใบจุดพืชตระกูลกะหล่ำ และโรคเหี่ยว เชื้อราไตรโคเดอร์มา ใช้ควบคุมโรคตายพรายของกล้วย และเห็ดเรืองแสงสิรินรัศมี ใช้ควบคุมไส้เดือนฝอยรากปมในแหล่งปลูกพริก มันฝรั่ง และฝรั่ง
นอกจากนี้ กรมวิชาการเกษตรยังมีงานวิจัยปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-ทู สำหรับข้าว ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร จากการวิจัยในแปลงเกษตรกรพบว่าการใช้ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-ทูร่วมกับปุ๋ยเคมีอัตราแนะนำตามค่าวิเคราะห์ดิน และใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวเพียง 15 กิโลกรัมต่อไร่ สามารถลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรลดลงได้ 771 บาทต่อไร่ คิดเป็นร้อยละ 52.2 เมื่อเทียบกับวิธีเกษตรกร โดยให้ผลผลิตข้าวไม่แตกต่างกัน ซึ่งลดต้นทุนค่าปุ๋ยได้ 547 บาท และค่าเมล็ดพันธุ์ได้ 187 บาท ปัจจุบันมีบริษัทเอกชนขอเข้ารับการอบรม ถ่ายทอดเทคโนโลยี และขอรับสิทธิ์เพื่อช่วยเหลือกรมวิชาการเกษตรในการผลิต จำนวน 13 บริษัท รวม 23 สัญญา
"ที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตรได้เผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับทางเลือกการจัดการวัชพืช การใช้แรงงานและการใช้เครื่องจักรกล และการใช้หลายวิธีผสมกัน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดการศัตรูพืชเฉลี่ยต่อไร่ของแต่ละวิธี เพื่อเป็นแนวทางให้เกษตรกรใช้เป็นวิธีการจัดการวัชพืชได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ ผู้บริโภค และสภาพแวดล้อม เป็นทางเลือกให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย ลดปัญหาสารพิษตกค้างในผลผลิตเกษตรและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัยตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว ในตอนท้าย