นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าการประชุมเอเปคที่ผ่านมา2 รอบ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเป็นการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งท่ามกลางสถานการณ์ผันผวนด้านภูมิรัฐศาสตร์และเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนใหม่ๆในช่วงนั้น การเป็นประธานในที่ประชุมของตนต้องประสานความไม่ลงรอยกันในความเห็นเบื้องต้นสุดท้ายทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
ถือว่าการประชุมระดับรัฐมนตรีการค้าเอเปคเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานับว่าประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง และล่าสุดเป็นการประชุมวงใหญ่ที่สำคัญมาก ระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจการค้าร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศของเอเปค ซึ่งเอเปคมี 21 เขตเศรษฐกิจ ทั้งการค้าเศรษฐกิจและต่างประเทศ รวมทั้งองค์กรอื่นๆ เช่น ประธานร่วมสภาความร่วมมือทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก(PECC) ที่ปรึกษาโครงการองค์กรการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก(PIF) เป็นต้น
ซึ่งถือว่าในภาพรวมประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง อย่างน้อยประเทศไทยสามารถขับเคลื่อนเป้าหมายกรุงเทพหรือ Bangkok Goals เรื่องผลักดัน BCG Model ให้เป็นที่ยอมรับของสมาชิกเอเปค เพื่อขับเคลื่อนต่อไปในอนาคตเป็นเรื่องของ 'Bio-Circular-Green' Economy เศรษฐกิจพื้นฐานที่ใช้ออร์แกนิก ใช้เกษตรเป็นฐานในการขับเคลื่อนให้ความสำคัญการผลิต การแปรรูป
การตลาดที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เรื่องนี้ทุกเขตเศรษฐกิจที่ให้ความเห็นพุ่งเป้าไปตรงนี้เพื่อเดินหน้าไปสู่ความยั่งยืนของโลกการค้าเศรษฐกิจในยุคถัดจากนี้ไป จะเปลี่ยนไปจากเดิมที่เน้นเศรษฐกิจการค้าที่เอารัดเอาเปรียบกันสำหรับประเทศเล็กประเทศใหญ่ รวมทั้งการกำหนดกติกาที่ฝ่ายหนึ่งได้เปรียบบ้าง เสียเปรียบบ้าง จากนี้จะมุ่งเน้นการค้าแบบยั่งยืน
และการพัฒนาความร่วมมือเอเปคซึ่งเป็นความร่วมมือความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจ พัฒนาเป็น FTA-AP หรือ FTA เอเปค จะมีกฎกติกากำหนดให้ 21 เขตเศรษฐกิจ กลายเป็นเขตการค้าเสรี ที่มีกติกาข้อตกลงชัดเจนเรื่องความร่วมมือการอำนวยความสะดวกทางการค้า การลงทุนและถึงขั้นกำหนดให้ภาษีส่งออกนำเข้าระหว่างกันเป็นศูนย์ในที่สุด ทำให้สมาชิกเอเปคส่งของขายในประเทศสมาชิกด้วยกันจะได้เปรียบกว่าคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิก
“สามารถออกแถลงการณ์ร่วมกันทั้งในระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่ตนเป็นประธานร่วมกับท่านรัฐมนตรีฯดอน และรัฐมนตรีต่างประเทศ สามารถออกแถลงการณ์ร่วมได้ ในระดับผู้นำก็ออกแถลงการณ์ร่วมได้ ถือเป็นความสำเร็จเป็นฉันทามติที่ทุกเขตเศรษฐกิจที่มาประชุมเห็นพ้องกันทั้งหมด ทำให้ภาพลักษณ์การประชุมเที่ยวนี้ในวงประชุมถือว่าประสบความสำเร็จเป็นเนื้อเดียวกัน”
และที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทยเที่ยวนี้เราได้ประโยชน์ทางอ้อมที่มีมูลค่าหรือคุณค่ามหาศาลคือ ซอฟพาวเวอร์ของไทย การที่ผู้นำมาร่วมประชุมประเทศไทยสามารถเผยแพร่ความเป็นอัตลักษณ์ของความเป็นไทย ผ่านการจัดงานเลี้ยงอาหารรูปแบบต่างๆที่สะท้อนความเป็นไทยทำให้ทั่วโลกที่สนใจการประชุมเอเปคซึมซับและรับรู้ซอฟพาวเวอร์ อัตลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรมของความเป็นไทยด้วย รวมทั้งการที่ผู้นำเดินทางไปเยี่ยมเยือนสถานที่แหล่งท่องเที่ยวต่างๆสื่อก็ไปเผยแพร่ เท่ากับโฆษณาประเทศโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ประเมินมูลค่าไม่ได้เป็นสิ่งที่ประเทศไทยโดยอ้อมทั้ง มวยไทย ถนนข้าวสาร สถานที่ท่องเที่ยว วัดโพธิ์ เป็นต้น