ข่าวดี สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ล่าสุด มีรายงานว่า โดย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 และมติคณะกรรมการ ธ.ก.ส. เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 โดยเห็นชอบให้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่าย และพัฒนาศักยภาพในการผลิต วงเงินรวม 81,265 ล้านบาท ซึ่งมีเกษตรกรได้รับประโยชน์จำนวน 4.68 ล้านครัวเรือน มีระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่บัดนี้จนถึง 30 ก.ย. 66 โดยจะเริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย.65 รวม 2 โครงการ
1.โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน ลดภาระค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำจากเศรษฐกิจชะลอตัวและภัยธรรมชาติ โดยประกันรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด ตามประกาศคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เมื่อ 21 พฤศจิกายน 2565
โดย ธ.ก.ส. จะโอนเงินเข้าบัญชีของเกษตรกรโดยตรงตามข้อมูลที่ได้รับจากกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งผ่านการประชุมของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและเกณฑ์กลางอ้างอิงฯ งวดที่ 1-6 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันเก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 15 ต.ค. -18 พ.ย. 65 รวมทั้งสิ้น 1.68 ล้านครัวเรือน จำนวนเงิน 4,516.88 ล้านบาท โดยจ่ายให้กับเกษตรกรที่ทำการเก็บเกี่ยวรวม 6 งวดด้วยกัน คือ ก่อนวันที่ 15 ต.ค. 65 จนถึง งวดที่ 6 ที่ทำการเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 12 - 18 พ.ย. 65
2.โครงการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวการปีการผลิต 2565/66 (โครงการไร่ละ 1,000 บาท) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกร ลดต้นทุนการผลิต และสร้างขวัญกำลังใจในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวและจูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษาข้าวให้มีคุณภาพดี โดยสนับสนุนเงินให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีการผลิต 2565/66 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาทต่อครัวเรือน พร้อมจ่ายเงินตามแผนการโอนเงินส่งถึงมือเกษตรกร
ทั้ง 2 โครงการพร้อมโอนงวดแรกในวันที่ 24 พ.ย.65 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานโอนเงินครั้งแรกให้แก่เกษตรกร ณ บริเวณหน้าศาลากลาง จังหวัดเพชรบูรณ์
สำหรับในการโอนเงินในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ธ.ก.ส.จะโอนให้กับเกษตรกรในพื้นที่ 14 จังหวัดก่อน ยอดโอนรวม 804,017 ครัวเรือน จำนวนเงิน 10,015.485 ล้านบาท ดังนี้
ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชั่น ธ.ก.ส. A-Mobile และ A-Mobile Plusตลอด 24 ชั่วโมงและจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่าน LINE Official BAAC Family กรณีที่ลูกค้าสมัครใช้บริการ BAAC Connect รวมถึงสามารถเบิกถอนเงินสดผ่านตู้ ATM ของ ธ.ก.ส. ทั่วประเทศ