หลังวจากที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าปีนี้อากาศจะหนาวเย็นและหนาวนานกว่าปีที่ผ่านมาส่งผลให้การเติบโตได้ดีของพืชผัก โดยเฉพาะผักใบ อาทิ ผักกาดขาวและกะหล่ำปลี แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเจอวิกฤติน้ำท่วมขังในแหล่งผลิตผักหลายพื้นที่ แต่หลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง เกษตรกรเริ่มกลับมาเพาะปลูกผลผลิตรุ่นใหม่ ส่งผลให้ผลผลิตผักใบเริ่มทยอยเข้าสู่ตลาด
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายในเปิดเผยว่า จากสถานการณ์พืชผักบางชนิดขาดตลาดและมีราคาสูงขึ้น กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในไม่ได้นิ่งนอนใจได้ติดตามข้อมูลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมประสานสำนักงานพาณิชย์จังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตพืชผักช่วยกระจายผลผลิตผ่านเซลล์แมนจังหวัด รถโมบายพาณิชย์ ตลาดในความส่งเสริมและเครือข่ายพันธมิตรภาคเอกชนในการเชื่อมโยงพืชผักออกนอกแหล่งผลิตสู่ผู้บริโภคในราคาประหยัดทันที
โดยประสานผู้ประกอบการไปรับซื้อถึงแหล่งผลิตทั้งผักกาดขาวและกะหล่ำปลีจากเกษตรกรในราคานำตลาดเพื่อนำไปจำหน่ายผ่านรถโมบายพาณิชย์และตลาดในความส่งเสริมของกรม อีกทั้งยังเชื่อมโยงจัดส่งผลผลิตจากตลาดกลางสินค้าเกษตร ไม่ว่าจะเป็นตลาดไท ตลาดสี่มุมเมืองและตลาดศรีเมืองไปจำหน่ายยังจุดจำหน่ายผ่านรถโมบายพาณิชย์ในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑลกว่า 100 จุด ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2565 ได้แก่ กะหล่ำปลี มะเขือเปราะ พริกชี้ฟ้าแดง แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเทศสีดา เป็นต้น นอกจากนี้ยังจัดส่งไปยังจังหวัดปลายทางที่มีปริมาณผักลดลง ได้แก่ สงขลา ภูเก็ต สตูล และตรัง
ส่วนกรณีมีผัก (บางชนิด) จากประเทศจีนเข้ามาตีตลาดผักในประเทศช่วงที่ผักไทยขาดตลาดและราคาแพง เนื่องจากผักจีนมีราคาถูกกว่าตามที่เป็นข่าว รองอธิบดิกรมการค้าภายในมองเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้บริโภค แต่ขณะนี้ราคาผักในประเทศเริ่มลดลงแล้ว จากนี้ไปผักที่ขาดตลาดจะเริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนเลือกซื้อหาพืชผักที่ปลูกในประเทศมากกว่า แม้ราคาจะสูงไปบ้างเมื่อเทียบกับผักที่นำเข้า แต่ก็มีความสะอาด ปลอดภัย และที่สำคัญเป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรไทยอีกด้วย
“ช่วงนี้ผักบางชนิดอาจแพง บางชนิดขาดตลาดไปบ้าง แต่หลังจากนี้ผลผลิตจากแหล่งผลิตจะเริ่มทยอยออกสู่ตลาดมากขึ้น กรมก็พยามทำทุกวิถีทางในการเร่งกระจายผลผลิตจากแหล่งผลิตสู่ผู้บริโภคในราคาประหยัดทุกช่องทางโดยเร็วที่สุด เพื่อช่วยลดค่าครองชีพและเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนมากขึ้น” รองอธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวและย้ำว่า
ขอให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน ห้ามฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาโดยเด็ดขาด หากพบจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาทหรือทั้งจำและปรับ ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งสายด่วน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์ทุกจังหวัดทั่วประเทศ