รายงานข่าวเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายหวัง เจี้ยน ( Mr. Wang Jian) ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัท BGI ได้เดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อหารือด้านการแพทย์จีโนมิกส์ และการพัฒนาการด้านชีววิทยาศาสตร์ร่วมกับภาครัฐบาลและองค์กรต่าง ๆ ของไทย
ทั้งนี้ได้พบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อหารือโดยมุ่งหวังให้เกิดความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ของไทยในการจัดตั้ง “International Innovation Center for Life” เพื่อยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์จีโนมิกส์ของภูมิภาค และเป็นศูนย์กลางการรักษาโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย
ปัจจุบันไทยมีผู้ป่วยกว่าในโรคดังกล่าวมากกว่า 6 แสนคน โดยทาง BGI คาดจะใช้เวลาประมาณ 3 ปี ในการคิดค้นและทดสอบนวัตกรรมทางการแพทย์ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ และจะสามารถเปิดให้บริการกับประชาชนในประเทศไทยได้
นอกจากนี้ ยังได้พบกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายความร่วมมือด้านการแพทย์และระบบสาธารณสุข รวมถึงการพัฒนาด้านชีววิทยาศาสตร์ในประเทศไทยด้วย
นายหวัง เจี้ยน กล่าวว่า ทาง BGI มีความเชื่อมั่นว่า “International Innovation Center for Life จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมได้ เนื่องจากประเทศไทยมีบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ยอมรับในระดับสากล มีคุณภาพมาตรฐานและระดับการพัฒนาทางการแพทย์ที่สูง
นอกจากนี้ในระดับนโยบาย ประเทศไทยมีแผนงานด้านจีโนมิกส์รองรับอยู่ จึงเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือของหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องในหลาย ๆ หน่วยงาน ทั้งสองฝ่ายจะสามารถยกระดับความร่วมมือระหว่างกันในการแลกเปลี่ยนความรู้ ความเชี่ยวชาญ การศึกษา การฝึกอบรมบุคลากร เพื่อให้คนรุ่นใหม่ก้าวทันเทคโนโลยี และสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศได้
ทาง BGI ยังได้หารือความร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ถึงการพัฒนาความร่วมมือในการวิจัยและทดสอบนวัตกรรมใหม่ เพื่อให้การปลูกข้าวหรือการหว่านพันธุ์ข้าวเพียง 1 ครั้ง สามารถเก็บเกี่ยวได้นาน 5 ปี ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร และช่วยลดต้นทุน ทั้งในเรื่องเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย น้ำ รวมถึงประหยัดทรัพยากรต่าง ๆ ลดการใช้พลังงาน และนำไปสู่การลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย
โดยทาง BGI มีเทคโนโลยีที่ทำได้สำเร็จแล้วในหลายพื้นที่ในประเทศจีน ในเรื่องนี้จะมีการหารือในรายละเอียดอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
สำหรับ BGI ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2542 เพื่อมีส่วนร่วมในโครงการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน มีพนักงานมากกว่า 1 หมื่นคนกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของโลก ในกว่า 100 ประเทศ และยังได้รับสิทธิบัตรมากกว่า 1,300 ฉบับ
ทั้งนี้บริษัท BGI Genomics ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น และ MGI ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ BGI ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ในปี พ.ศ. 2565 ซึ่งดัชนีชี้วัด Nature Index ได้จัดให้ BGI อยู่ในอันดับ 1 ของบริษัทด้านชีววิทยาศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นอันดับที่ 6 ของโลก