แหล่งข่าวจากคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตัวแทนสมาคมผู้ผลิตถุงมือยางไทย ได้เสนอผ่านที่ประชุม กนย.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกาได้แบนถุงมือยางธรรมชาติเป็นรัฐที่ 8 ของสหรัฐฯ โดยบังคับใช้กฎหมายแล้ว ซึ่งจากการประมวลผลของสมาคมฯ ถึงผลกระทบเวลานี้ส่งผลไทยที่เคยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 2 ของโลก ปัจจุบันตกมาอยู่ที่ลำดับ 3 แล้ว โดยเป็นรองจากมาเลเซีย และจีน
ทั้งนี้มองว่าหลัง 8 มลรัฐของสหรัฐฯได้บังคับใช้แล้ว อาจจะขยายไปมลรัฐอื่น ๆ อีก รวมทั้งในประเทศอื่นก็อาจจะมีการบังคับใช้เช่นเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลกระทบค่อนข้างมาก ถึงแม้ว่าจะมีบริษัทไทย ที่เป็นตัวแทนส่งออก ที่เป็นรายใหญ่ของไทยจะมีน้อยก็ตามเมื่อเทียบกับถุงยางไนไตร(ยางสังเคราะห์)ที่มีอยู่ทั่วโลก
อย่างไรก็ดีเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะกระทบต่อภาคส่วนที่เกี่ยวเนื่องจากยางพาราของไทย จึงขอให้ช่วยพิจารณา หรือมอบหมายหน่วยงานของรัฐได้ช่วยเหลือ โดยเฉพาะในเรื่องการประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่คู่ค้าซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก จากเวลานี้บางประเทศที่เป็นยักษ์ใหญ่ในการผลิตและจำหน่ายยางไนไตรได้ใช้ข้อมูลข่าวสารทางลบมาโจมตีถุงมือยางธรรมชาติ(โปรตีนในยางพารากระทบต่อผิวหนัง) ที่เป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ยางส่งออกสำคัญของไทย เกรงเรื่องนี้จะลามไปที่รัฐอื่น ๆ และทำให้ทั่วโลกตื่นตระหนก
ล่าสุด สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อสร้างรับรู้และขยายการส่งออกถุงมือยางธรรมชาติ โดยมีจะการแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566