“เจียไต๋” เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจนวัตกรรมการเกษตรของไทย และขยายสู่ธุรกิจเกษตรครบวงจรในภูมิภาคเอเชีย โดยมีผลิตภัณฑ์และบริการครอบคลุมตั้งแต่ต้นนํ้า กลางนํ้า ไปสู่ปลายนํ้า เริ่มตั้งแต่เมล็ดพันธุ์คุณภาพ ปุ๋ย ผลิตภัณฑ์อารักขาพืช อุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการเพาะปลูก โซลูชั่นการเกษตร ไปจนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์สดใหม่ ปลอดภัยและมีคุณภาพ
ปัจจุบันเจียไต๋มีสถานีวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชทั้งในและต่างประเทศกว่า 9 แห่ง และมีบริษัทสาขาอีก 7 แห่ง กระจายอยู่ในภูมิภาคเอเชียและอเมริกา มีพนักงานรวมกว่า 1,300 คน ล่าสุด หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายทิศทางธุรกิจของเจียไต๋ปี 2566 ในกลุ่มธุรกิจเมล็ดพันธุ์ยังมีการขยายอย่างต่อเนื่อง
นายสุภัทร เมฆิยานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจเมล็ดพันธุ์ บริษัท เจียไต๋ จำกัด เปิดเผย ระหว่างเยี่ยมชมงาน “Chia Tai Field Day 2023” ณ จังหวัดเชียงใหม่ ว่า เจียไต๋มีเมล็ดพันธุ์คุณภาพกว่า 485 สายพันธุ์จากพืช 42 ชนิดส่งออกมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก มีตลาดสำคัญ 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา เมียนมา และอินเดีย
เมล็ดพันธุ์พืชหลักที่เป็นเรือธง ได้แก่ ฟักทอง แตงโต เมล่อน พริก ข้าวโพด แตงกวา และมะเขือเทศ ซึ่งเจียไต๋เป็นบริษัทเมล็ดพันธุ์ไทยรายแรกของไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสมาคมทดสอบเมล็ดพันธุ์นานาชาติ (ISTA) ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการค้าเมล็ดพันธุ์ทั่วโลก ทำให้แบรนด์ “เจียไต๋” เติบโตและขยายตลาดออกไปได้เรื่อยๆโดยพันธกิจหลักคือ ทำให้เกษตรกรทั่วโลกมีรายได้ที่ดีขึ้น ยั่งยืน และมีเมล็ดพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ที่ดีกว่าพันธุ์ดั้งเดิม
ด้านนายชัยวุฒิ สมปาน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านการค้า ธุรกิจเมล็ดพันธุ์ บริษัท เจียไต๋ฯ กล่าวว่า ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยอดขายของบริษัทปรับตัวลดลง จากตลาดในหลายประเทศมีการล็อกดาวน์ ประกอบกับปัจจัยการผลิตทางการเกษตรกรสูงขึ้นทุกรายการไม่ว่าจะเป็นนํ้ามัน ปุ๋ยเคมี สารเคมี และอื่นๆ ทำให้เกษตรกรประสบปัญหาในการเพาะปลูก อย่างไรก็ดีในปีนี้บริษัทคาดหวังยอดขายเมล็ดพันธุ์ที่ 1,800 ล้านบาท เป็นการเติบโตตามค่าเฉลี่ยของภาพรวมการส่งออกเมล็ดพันธุ์ของไทยที่ปีนี้กรมวิชาการเกษตรตั้งเป้าหมายภาพรวมที่ 15,000 ล้านบาท
“การค้าเมล็ดพันธุ์ของเจียไต๋ แบ่งเป็น 2 ช่องทาง 1.ค้าขายเชิงพาณิชย์ คือ เกษตรกรนำไปปลูก หรือผู้ค้านำไปขาย ในช่องทางของแต่ละราย 2. โฮม การ์เด้นท์ ขายตามโมเดิร์นเทรด และขายผ่านออนไลน์ ปัจจุบันมีบริษัทลูกที่ตั้งแล้วใน 5 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม อินเดีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมา และที่จะขยายตลาดเพิ่มเติมคือ บังกลาเทศซึ่งอยู่ระหว่างศึกษาข้อกฎหมาย
ด้านนางสาวรตา สุทธิมัณฑนกุล ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายเทคโนโลยีการเกษตร ฟาร์มอินโน (ไทยแลนด์) ธุรกิจใหม่ของเจียไต๋ เผยว่า ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ 2 รายการคือ โดรนการเกษตร และโซลูชั่นโรงเรือน เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมี 2 สาขา เป้าหมายปี 2566 จะมี 10 สาขา ส่วนโดรนเพื่อการเกษตรมี 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น XAG P100 และ รุ่น XAG 40 จะวางจำหน่ายในเดือนเมษายนนี้ช่วงก่อนสงกรานต์ โดยโดรนนี้จะช่วยเกษตรกรในการหว่านปุ๋ยได้อย่างแม่นยำ สามารถบินได้ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,861 วันที่ 12-15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566