เป็นประจำทุกปีในช่วงเข้าสู่ฤดูเพาะปลูก นอกจากจะมีพ่อค้าจำหน่ายปุ๋ยปลอมแล้ว ในบางพื้นที่จะฉวยโอกาสนำรถเร่ออกตระเวนขายปัจจัยการผลิตทางการเกษตรไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ โดยอ้างเป็นปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ มีการโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม รวมถึงให้เงินเชื่อโดยให้เกษตรกรผ่อนจ่ายภายหลังเพื่อดึงดูดใจลูกค้า ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไม่ให้โดนหลอกลวง
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคออกตรวจสอบตามโรงงานผลิตและร้านจำหน่ายอย่างเข้มข้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีการผลิตและจำหน่ายปุ๋ยและวัตถุอันตรายที่ไม่ได้คุณภาพออกไปหลอกขายเกษตรกร
ล่าสุดจากการปฎิบัติงานของสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 ปฏิบัติงาน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานที่ลักลอบผลิตปุ๋ยเคมี ในพื้นที่ อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวเข้าทำการตรวจค้นพบพบของกลางดังนี้
1.ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมี จำนวน 3 รายการ รวมจำนวน 5,200 กก. (ไม่มีทะเบียนปุ๋ย)
2.วัตถุดิบ จำนวน 5 รายการ รวมจำนวน 9,450 กก.
3.อุปกรณ์การผลิต จำนวน 7 รายการ
รวมมูลค่าของกลาง ประมาณ 1,000,000 บาท ปุ๋ยเคมีที่ตรวจพบต้องสงสัยว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ปุ๋ย พ.ศ.2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้อายัดไว้ในที่เกิดเหตุ และได้เก็บตัวอย่างสิ่งต้องสงสัยที่พบวิเคราะห์ ณ ห้องปฏิบัติการ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 พิษณุโลก กรมวิชาการเกษตร เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และฝ่าฝืนกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ปุ๋ย พ.ศ.2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้
1.ห้ามมิให้ผู้ใดผลิตปุ๋ยเคมีเพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต (ม.12,57 อัตราโทษ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
2.ผลิตปุ๋ยเคมีเพื่อการค้า ซึ่งปุ๋ยเคมีที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนไว้โดยผิดกฎหมาย (ตาม ม.30(5),71 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท)
นายระพีภัทร์ กล่าวว่า ล่าสุด วันนี้ ( 31 มี.ค.66) สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 ปฏิบัติงาน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ดำเนินการล่อซื้อและเข้าตรวจสอบ รถยนต์ทะเบียน กต 6574 พิจิตร ณ ปั๊มน้ำมัน พีที สาขาแสงดาว อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พบสินค้า 3 รายการ ระบุ
1. คลอร์ไพริฟอส + ไซเปอร์เมทริน จำนวน 24 ลิตร
2. คลอร์ไพริฟอส 7 ลิตร
3. ชื่อการค้าฟีโน่ 919 (ไดอะซินอน) 24 ลิตร
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าจับกุมและขยายผลไปตรวจสอบสถานที่จำหน่าย เลขที่ 488/32 หมู่ 6 ตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก พบผลิตภัณฑ์ ระบุ
1. คลอร์ไพริฟอส + ไซเปอร์เมทริน จำนวน 12 ลิตร
2. ชื่อการค้า ฟีโน่ 919 (ไดอะซินอน) จำนวน 24 ลิตร
3. สารเพิ่มประสิทธิภาพ ชื่อการค้า ออยพลัส จำนวน 36 ลิตร
รวมมูลค่าของกลาง ประมาณ 50,000 บาท แต่ถ้าหากวัตถุอันตรายชุดนี้เกษตรกรนำไปใช้จะมีผลกระทบต่อการส่งออกผักและผลไม้ของประเทศไทยที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้ วัตถุอันตรายต้องสงสัยว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พนักงานเจ้าหน้าที่ได้อายัดไว้ และได้เก็บตัวอย่างสิ่งต้องสงสัยที่พบส่งวิเคราะห์ ณ ห้องปฏิบัติการ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 พิษณุโลก กรมวิชาการเกษตร เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับผู้การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และฝ่าฝืนกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้มาตรา 43 ห้ามผู้ใดผลิต นำเข้า หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 มีโทษตามมาตรา 74 วรรคหนึ่ง ระวางโทษไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 23 วรรค 1 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 มีโทษตามมาตรา 73 ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับมาตรา 45 ห้ามผู้ใดผลิต นำเข้า หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 (4) วัตถุอันตรายที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียนไว้ มีโทษตามมาตรา 78 วรรคหนึ่ง ระวางโทษไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“อย่างไรก็ดีหากผูใดทราบเบาะแสการผลิตหรือจำหน่ายปัจจัยการผลิตปลอมหรือไม่ได้คุณภาพ สามารถแจ้งได้ที่กลุ่มสารวัตรเกษตร กรมวิชาการเกษตร หรือแจ้งได้ที่ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร ในเขตภูมิภาคได้ทุกแห่ง และควรซื้อสินค้าได้จากร้านจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ Q shop หรือร้านที่มีเครื่องหมายปัจจัยการผลิตคุณภาพประชารัฐ แสดงอยู่ที่หน้าร้านเท่านั้น” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว