สว.เครือข่ายชาวนา ไม่ขัด “พิธา" นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

15 พ.ค. 2566 | 11:06 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ค. 2566 | 11:09 น.

เจาะใจ 3 สว. แกนนำเครือข่ายชาวนา เปิดทาง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี พร้อมยอมรับเสียงมหาชน แต่ต้องรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่ชักศึกเข้าบ้าน มีนโยบายพัฒนาเกษตร

ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หลังพรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศเป็นอันดับหนึ่งและนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น

สว.เครือข่ายชาวนา ไม่ขัด “พิธา\" นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (สว.)  เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หน้าที่ของ สว. หลังจากที่พรรคการเมืองแกนนำได้จับขั้วจัดตั้งรัฐบาลแล้ว และหลังจากมีการเลือกประธานรัฐสภาและการเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี สว.จะใช้อำนาจหน้าที่ตามมาตรา  272 ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับ ส.ส. โดยนายกรัฐมนตรีจะต้องมีคุณสมบัติรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และไม่มีเรื่องเกี่ยวข้องทุจริต ซึ่งไม่เฉพาะนายพิธา แต่ใครก็ตามที่มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี สว.จะพิจารณาคุณสมบัติตรงนี้ก่อน

“ถ้าเป็นเสียงของผม ผมก็ต้องถามว่า คุณพิธา มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไหม และมีความคิดที่จะชักศึกเข้าบ้าน ทำให้ประเทศไทยเกิดความไม่สงบหรือไม่ ซึ่งถ้าไม่มีตามนี้ก็ไม่มีปัญหาที่จะสนับสนุน”

สว.เครือข่ายชาวนา ไม่ขัด “พิธา\" นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

ขณะที่ นายรณวริทธิ์  ปริยฉัตรตระกูล สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า นอกจากนายพิธาแล้ว อีกคนที่จะเป็นแคนดิเดตเป็นใคร ซึ่งปกติจะไม่เสนอชื่อคนเดียว อย่างน้อยจะเสนอชื่อ 2 คน เป็น 2 ฝั่ง อนุมานจากครั้งที่แล้วก็จะมี 2 คนมาให้เลือก แต่ถ้ามีคนเดียว แล้วเสนอนายพิธา ก็ไม่ได้น่ารังเกียจ เพราะมาจากมติมหาชน ส.ส.เขตก็ได้มาก และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ก็ได้เยอะ รวมกันแล้วได้อันดับ 1 ก็มีสิทธิ์อันชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งองค์ประกอบที่จะพิจารณาพรรคร่วมมีใครบ้าง นโยบายเป็นอย่างไร ตรงนั้นน่าสนใจกว่า 

สว.เครือข่ายชาวนา ไม่ขัด “พิธา\" นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

“ในส่วนตัว ผมมาจากฟากฝั่งเกษตรกร นาย ก หรือ นาย ข เป็นใครก็ได้ แต่จะโฟกัสไปที่นโยบายด้านการเกษตร ถ้าไม่มีผมไม่ยกมือให้  ใครก็แล้วแต่ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ถ้าไม่เห็นความสำคัญในการที่จะพัฒนาเกษตรกรทั้งระบบ ผมไม่โอเค แล้วถ้าพัฒนาโดยลด แลก แจก แถม ก็ไม่โอเค เพราะคนที่จะมีความจริงใจพัฒนาเกษตรกร คือคนที่เข้าใจระบบการเกษตร และส่งเสริมให้เกษตรกรพึ่งตนเองอยู่ได้ด้วยความยั่งยืน มีความเข้าใจการเกษตร ตั้งเป็นกลุ่มทำให้เข้าถึงแหล่งทุน การตลาด สามารถที่จะขายผลผลิตได้เองโดยตรง หรือจะขายผ่านระบบโรงสี ในราคาที่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ ประมง นี่คือความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ใช่ส่วนรวมของ สว.ทั้งหมด”

ประมาณ สว่างญาติ

 

ขณะที่ นายประมาณ สว่างญาติ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่า ส่วนตัวไม่คัดค้านใครจะมาเป็นนายกฯ ขอให้เป็นไปตามมติของประชาชน ซึ่งในฐานะเกษตรกรคนหนึ่ง ที่ได้รับเลือกจากข้างล่างขึ้นไปข้างบน และมีความเชื่อมโยงจากประชาชน ส่วน สว.ท่านอื่น ก็ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างจิตใจ แต่ตัวเองอยากให้ไปทางที่ไม่ขัดแย้ง ยิ่งมีมติประชาชนนำมาแล้ว ก็ควรที่จะไปทางนั้นมากกว่า