นายจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายปุ๋ยเคมีและยาปราบศัตรูพืช พบว่าเกษตรกรในพื้นที่เริ่มซื้อปุ๋ยเคมีไปใช้กันมากขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนเป็นต้นมา เนื่องจากขณะนี้อยู่ในฤดูเพาะปลูกข้าว โดยช่วงแรกนิยมใช้ปุ๋ยยูเรีย และช่วงถัดมานิยมใช้ปุ๋ยสูตร 16-20-0 เป็นหลัก ส่วนปุ๋ยสูตรอื่นๆ ใช้เป็นตัวเสริมธาตุอาหาร หรือใช้เพาะปลูกพืชชนิดอื่น ทั้งนี้ ปริมาณปุ๋ยมีเพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร และราคาปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง
โดยในภาพรวมราคาแม่ปุ๋ย เฉลี่ยภาคกลาง ปรับลดลง 26-50% เมื่อเทียบกับช่วงกลางปี 2565 โดยแม่ปุ๋ยไนโตรเจน ได้แก่ ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) และปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต (21-0-0) ราคาลดลง 50% และ 47% ตามลำดับ แม่ปุ๋ยฟอสเฟต (18-46-0) ราคาลดลง 26%
และแม่ปุ๋ยโพแทสเซียม (0-0-60) ราคาลดลง 26% ในเขตพื้นที่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ราคาปุ๋ยก็ได้ปรับลดลงเช่นกัน เช่น แม่ปุ๋ยยูเรียราคาจำหน่ายเคยขึ้นไปสูงกว่า 1,600 บาทต่อกระสอบ ปัจจุบันราคา 800 บาทต่อกระสอบ ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาปุ๋ยปรับลดลงมาจากราคาพลังงานในตลาดโลกที่ปรับลดลง
โดยราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกแม้ว่าจะยังคงผันผวนอยู่แต่ก็ปรับลดลงมาแล้ว 20-25% เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยปี 2565 นอกจากนี้ ความต้องการใช้ปุ๋ยในประเทศผู้ผลิตสินค้าเกษตรรายสำคัญชะลอตัว โดยเฉพาะจีนที่ได้สิ้นสุดฤดูเพาะปลูกแล้ว และสหรัฐอเมริกาอยู่ในช่วงปลายฤดูเพาะปลูก ยาปราบศัตรูพืช ขณะนี้ราคาก็ได้ปรับลดลงมาแล้วเช่นกันเมื่อเทียบกับช่วงกลางปีที่แล้ว อาทิ ยาฆ่าหญ้ากลูโฟซิเนต ราคาลดลง 25% ไกลโฟเซต ราคาลดลง 19% และยาฆ่าแมลงอะบาเมกติน ราคาลดลง 28%
“กรมฯและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศจะติดตามสถานการณ์ปริมาณและราคาปุ๋ยเคมีและยาปราบศัตรูพืชอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยเมื่อต้นทุนนำเข้าปรับลดลงราคาจำหน่ายปลายทางก็ต้องปรับลดลงสอดคล้องกันด้วย หากเกษตรกรพบการฉวยโอกาสจำหน่ายแพงโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือการไม่ปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน สามารถแจ้งต่อกรมการค้าภายในหรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทางสายด่วน 1569 หรือทางไลน์ @MR.DIT เจ้าหน้าที่จะไปตรวจสอบ ถ้าพบผิดจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด”