“ระพีภัทร์” สั่งลุยกวาดล้าง “ทุเรียนอ่อน” หวั่นอนาคตทุเรียนไทยดับ

30 ก.ค. 2566 | 09:15 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ก.ค. 2566 | 09:18 น.

"รพีภัทร์" อธิบดีกรมวิชาการเกษตร สั่งลุย กวาดล้างทุเรียนอ่อน หวั่น อนาคตทุเรียนไทย ดับ หลังตรวจพบทุเรียน นครศรีธรรมราช ยะลา ชุมพร โดนตีคืนทุเรียนด้อยคุณภาพ เพิ่มขึ้นผิดปกติ เตือน ชาวสวน-ล้ง อย่ามักง่าย หากเจอทุเรียนอ่อนอย่าซื้อ คิดค่าปรับเลยลูกละ 500 บาท แบบภาคตะวันออก

“ระพีภัทร์” สั่งลุยกวาดล้าง “ทุเรียนอ่อน” หวั่นอนาคตทุเรียนไทยดับ

วันที่ 30 กรกฎาคม 2566 นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า  ได้รับรายงานจาก ดร. ภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ว่า นางสาวฉันทนา คงนคร ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที 7 สุราษฏร์ธานี ได้รายงานผลการตรวจคุณภาพทุเรียนในช่วงเดือนกรกฏาคม 2566 พบว่าทุเรียนใต้เริ่มลดปริมาณลงในช่วงปลายเดือน กรกฏาคม เหลือประมาณ 60-70 ตู้ต่อวัน และมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากปริมาณผลผลิตทุเรียนในแปลงเกษตรกร เริ่มลดลงแล้ว

“ระพีภัทร์” สั่งลุยกวาดล้าง “ทุเรียนอ่อน” หวั่นอนาคตทุเรียนไทยดับ

ในช่วง วันที่ 10-25 กรกฎาคม 2566 สวพ. เขต 7 และ สวพ. เขต 8 รายงายว่า จากผลการตรวจสุก-แก่ทุเรียนที่เกษตรกรส่งเข้าโรงคัดบรรจุ พบมีทุเรียนด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นผิดปกติ และได้ปฏิเสธ การส่งออกทุเรียนด้อยคุณภาพและพ่นสีแดงตามมาตรการของจังหวัด เพื่อให้ทุเรียนส่งออกเป็นทุเรียนที่มีคุณภาพเท่านั้น และได้เพิ่มการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ เพื่อให้ทุกฝ่ายเพิ่มความระมัดระวัง ในการตรวจสอบคุณภาพเนื้อทุเรียนต้องแก่ มีใบรับรองแปลง GAP ถูกต้อง และต้องปลอดศัตรูพืช เป็นไปตามเงื่อนไขที่ประเทศผู้นำเข้ากำหนดตามพิธีสารไทย-จีน

 

“ระพีภัทร์” สั่งลุยกวาดล้าง “ทุเรียนอ่อน” หวั่นอนาคตทุเรียนไทยดับ

โดยในฤดูกาลปี 2566 นี้ ทุเรียนใต้ได้ถอดบทเรียนความสำเร็จจากการดำเนินงานควบคุมคุณภาพทุเรียน ภาคตะวันออก "จันทบุรีโมเดล"  มาปรับใช้ในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีการประชาสัมพันธ์รณรงค์อย่างเนื่อง รวมถึงขอความร่วมมือไปยังเกษตรกร มือตัดทุเรียน และโรงคัดบรรจุ (ล้ง) ที่จะส่งออกให้คุมเข้มไม่ตัด และไม่รับซื้อทุเรียนด้อยคุณภาพ (ทุเรียนอ่อน) เพื่อป้องกันไม่ให้ทุเรียนด้อยคุณภาพ (ทุเรียนอ่อน) ออกสู่ตลาด

“ระพีภัทร์” สั่งลุยกวาดล้าง “ทุเรียนอ่อน” หวั่นอนาคตทุเรียนไทยดับ

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการควบคุมคุณภาพของทุเรียนภาคใต้ตอนบน โดยทีมงาน สวพ. เขต 7 และ สวพ. เขต 8 และด่านตรวจพืชท่าเรือระนอง มีผลการดำเนินงานเป็นไปด้วยดี ผลการตรวจเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งเนื้อทุเรียน ชุดปฏิบัติเฉพาะกิจฯตรวจทุเรียนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-29 ก.ค.2566 ผลการสุ่มตัวอย่างวิเคราะห์คุณภาพ 910 ตัวอย่าง คุณภาพผ่าน  870 ตัวอย่างและมี 40 ตัวอย่างที่ไม่ผ่านเกณฑ์คิดเป็นร้อยละ 4.4 

“ระพีภัทร์” สั่งลุยกวาดล้าง “ทุเรียนอ่อน” หวั่นอนาคตทุเรียนไทยดับ

แม้ว่าเป็นดูไม่มากแต่ก็ยังมีความจำเป็นที่ต้องเพิ่มความเข้มงวดระมัดระวังเพื่อรักษาความนิยมทุเรียนไทยของตลาดส่งออกกอรปกับในช่วงนี้เริ่มมีทุเรียนจากภาคใต้ตอนล่าง กาญจนบุรีและทุเรียนภายนอกพื้นที่เข้ามาขายให้กับโรงคัดบรรจุในพื้นที่จังหวัด นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานีและชุมพร เพิ่มขึ้นด้วย

“ระพีภัทร์” สั่งลุยกวาดล้าง “ทุเรียนอ่อน” หวั่นอนาคตทุเรียนไทยดับ

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวว่า "ขอให้เจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตร เจ้าของสวน ล้งผู้ส่งออกและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ยังคงตรวจสอบคุณภาพทุเรียน ณ โรงคัดบรรจุอย่างเข้มงวดเหมือนเดิม  พร้อมกันนี้ก็ให้ร่วมมือกับจังหวัดชุมพรและจังหวัดอื่น ๆ ในการสนับสนุนการตั้งด่านตรวจสอบคุณภาพรถบรรทุกทุเรียนที่นำทุเรียนเข้ามาจำหน่าย โดยต้องเป็นทุเรียนที่มีใบรับรอง GAP มาแสดงพร้อมกับทุเรียนที่นำมาจำหน่ายด้วยทุกครั้ง 

“ระพีภัทร์” สั่งลุยกวาดล้าง “ทุเรียนอ่อน” หวั่นอนาคตทุเรียนไทยดับ

พร้อมเน้นย้ำเกษตรกรและมือตัดไม่ตัดทุเรียนอ่อน โรงคัดบรรจุต้องไม่ซื้อทุเรียนอ่อนเพื่อรักษาคุณภาพและมาตรฐานของทุเรียนไทยเป็นไปตามมาตรฐานของประเทศคู่ค้า และเกษตรกรที่ยังไม่มีใบรับรอง GAP ให้เร่งยื่นขอกับศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรในจังหวัดของท่านเพื่อให้ได้รับสิทธิ์ในการผลิตทุเรียนส่งออกไปจีน เนื่องจากข้อกำหนดของฝ่ายจีน ระบุว่า ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ และนำส่งขึ้นเวปไชด์ของจีน อย่างน้อย 3 เดือนจึงจะนำไปใช้ในการประกอบการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชสำหรับส่งออกได้ "

“ระพีภัทร์” สั่งลุยกวาดล้าง “ทุเรียนอ่อน” หวั่นอนาคตทุเรียนไทยดับ

“ช่วยกัน บอกชาวสวนอย่ามักง่าย และบอกล้ง หากเจอทุเรียนอ่อนอย่าซื้อ และคิดค่าปรับเลยลูกละ 500 แบบภาคตะวันออก เป็นวิธีสมัครใจในการรักษาคุณภาพ ที่ควบคู่กับภาคบังคับของรัฐ จึงจะสำเร็จ อยากให้ทุกคน ซื่อสัตย์ รักษาคุณภาพแบบที่ปีนี้ ทุเรียนตะวันออกเน้นย้ำคุณภาพทุกภาคส่วนจนขายดิบขายดี ราคาไม่ตก ตองร่วมมือร่วมใจกันทุกคน จึงจะสำเร็จ มาตรการสมัครใจหรือ Solf Power มีพลังกว่า ภาคบังคับเพียงอย่างเดียว” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวย้ำตอนท้าย