นักวิชาการอิสระ ชี้งานวิจัยยกสถานะประเทศได้ ชู "เอธิโอเปีย" ต้นแบบ 

19 ส.ค. 2566 | 12:40 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ส.ค. 2566 | 12:45 น.

"นิติภูมิธณัฐ" นักวิชาการอิสระ ชี้งานวิจัยสามารถขยับสถานะประเทศให้ดีขึ้นได้หากมีความมุ่งมั่นและตั้งใจ พร้อมยกตัวอย่าง "เอธิโอเปีย" ต้นแบบของประเทศที่ประสบความสำเร็จจากการทุ่มเททำงานวิจัย 

วันนี้ (19 สิงหาคม 2566) ที่ เฮลิกซ์ การ์เด้น ชั้น 5 ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ กรุงเทพฯ ร้อยตำรวจเอก ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย นักวิชาการอิสระ เปิดเผยในงานเสวนาในหัวข้อ "ความมั่นคงทางอาหารและการเกษตรภายใต้ปรากฎการณ์เอลนีโญและโอกาสการค้าตลาดคาร์บอนเครดิตในการผลิตพืชของไทย" ภายใต้งานนิทรรศการ "5 ทศวรรษแห่งการพัฒนาวิชาการเกษตรไทย และการก้าวไปในทศวรรษที่ 6" กรมวิชาการเกษตร 

ร้อยตำรวจเอก ดร.นิติภูมิธณัฐ นักวิชาการอิสระ สะท้อนมุมมองการใช้งบประมาณของภาครัฐในการทำงานวิจัยว่า เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยยกสถานะของประเทศได้ซึ่งจากประสบการณ์ของตนเองในฐานะของผู้ประกอบที่ทำธุรกิจกาแฟและเปิดภัตตาคารในจีน รวมถึงการเป็นประธานที่ปรึกษาของบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนในประเทศตลาดใหม่ของบีโอไอ (BOI) ทำให้เห็นว่า ประเทศที่มีการส่งเสริมงานวิจัยอย่างจริงจังนั้นสามารถที่จะขยับสถานะของประเทศตนเองขึ้นมาได้

นักวิชาการอิสระ ชี้งานวิจัยยกสถานะประเทศได้ ชู \"เอธิโอเปีย\" ต้นแบบ 

โดยตัวอย่างของประเทศที่ประสบความสำเร็จจากความมุ่งมั่นตั้งใจในเรื่องของการทำงานวิจัย ก็คือ ประเทศเอธิโอเปีย ที่ส่งออกสินค้าเกษตรไปขายในประเทศแถบยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ฝรั่งเศส สเปน และโปรตุเกส ฯลฯ

จากการวิจัยโดยได้รับงบสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จำนวน 2 ครั้ง รอบแรกในปี 2550 และปี  2557 จากการเก็บข้อมูล สรุปได้ว่า ประเทศเอธิโอเปียถือว่า ประสบความสำเร็จในขั้นสูงและสูงกว่าประเทศไทยมาก 

ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิธณัฐ นักวิชาการอิสระ

ทั้งนี้ ตนเองไม่ได้บอกว่า งบประมาณในการวิจัยของประเทศไทยนั้นน้อยเกินไปหรือไม่เพราะไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้โดยตรงจึงไม่สามารถที่จะพูดได้แต่อยากจะเรียนว่า จากการเก็บข้อมูลมีบางประเทศที่ทำงานทุ่มเทงานวิจัยจริง ๆ สำหรับบ้านเราปัจจุบันถ้าพูดถึงการเกษตรของไทยก็อยู่ในระดับแถวหน้า ร้อยตำรวจเอก ดร.นิติภูมิธณัฐ กล่าวทิ้งท้าย 

 

นักวิชาการอิสระ ชี้งานวิจัยยกสถานะประเทศได้ ชู \"เอธิโอเปีย\" ต้นแบบ