สภาเกษตรกร ขอ 1,100 ล้าน เคลื่อนทัพ “นัยฤทธิ์’” ขีดเส้น 90 วัน ทุกอย่างลงตัว
“นัยฤทธิ์” ประธานสภาเกษตรกร อ้อน ของบ 1,100 ล้าน ปี 2567 เคลื่อนทัพ เล็งเข้าพบนายกรัฐมนตรี เชิญมอบนโยบายสมาชิกสภาเกษตรกรทั่วประเทศ ขีดเส้น 90 วัน ทุกอย่างลงตัว
สภาเกษตรกรแห่งชาติ ตั้งขึ้นตาม พระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ.2553 มีอำนาจหน้าที่ในการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร และองค์กร นำเสนอแผนพัฒนาเกษตรกรรมระดับจังหวัดต่อสภาเกษตรกรแห่งชาติเพื่อบูรณาการเป็นแผนแม่บทนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าสุดผลการเลือกตั้งสภาเกษตรกรแห่งชาติครั้งแรกในรอบ 6 ปี ได้ “นายนัยฤทธิ์ จำเล” ประธานชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทยจำกัด และประธานสภาเกษตรกรจังหวัดนครปฐม เป็นประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติคนใหม่ และให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ และเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาให้กับเกษตรกร
มุ่งมั่นแก้ปัญหาเกษตรกร
นายนัยฤทธิ์ กล่าวว่า การขับเคลื่อนสภาเกษตรกรแห่งชาติในช่วง 13 ปีที่ผ่านมาของการก่อตั้ง ยังไม่บรรลุเป้าหมายเท่าที่ควร ทั้งที่จากการศึกษาพระราชบัญญัติ รวมถึงกฎระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ สภาเกษตรกรแห่งชาติเป็นสภาฯที่มีบทบาทมาก ดังนั้นเมื่อตนได้เข้ามาเป็นประธานคนใหม่ ได้มีการจัดประชุม และหาวิทยากรที่มีความรู้ และความเชี่ยวชาญในเรื่องต่าง ๆ มาถ่ายทอดให้กับประธานสภาเกษตรกรจังหวัด 77 จังหวัด เพราะการที่จะเดินไปข้างหน้าต้องรู้บริบทตัวเองก่อนว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้สภาเกษตรกรแห่งชาติ ขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลโดยนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง จากเดิมช่วงก่อตั้งขึ้นตรงกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นเวลาประมาณ 2 ปี หลังจากนั้นเป็นต้นมาได้ถ่ายโอนมาอยู่กับสำนักนายกรัฐมนตรี
พร้อมทำงานร่วมรัฐบาล
ดังนั้นสภาเกษตรกรแห่งชาติ ณ วันนี้ ต้องทำงานควบคู่กับรัฐบาล มีจุดเด่นคือ สามารถนำเสนอปัญหาและแนวทางในการแก้ไขให้กับเกษตรกรต่อนายกรัฐมนตรีได้โดยตรง เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา
“สิ่งแรกที่ผมจะเร่งดำเนินการคือ ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ให้เข้มแข็งและพัฒนาในหลาย ๆ เรื่อง ขณะที่งบประมาณในแต่ละปีที่สภาเกษตรกรฯ เคยได้รับ 500-600 ล้านบาท วันนี้เหลือแค่กว่า 300 ล้านบาท เราวิงวอนที่ต้องเข้าพบนายกรัฐมนตรีในเร็ว ๆ นี้ เพื่อนำเสนอปัญหาของพี่น้องเกษตรกรและให้คำแนะนำ โดยมีหลายปัญหาที่ตรงกับนโยบายรัฐบาล รวมถึงจะของบประมาณเพิ่ม เพื่อมาขับเคลื่อนนโยบายในหลายด้านที่เป็นความเดือดร้อนของเกษตรกร และนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายอย่างเข้มแข็งและมั่นคง”
ล่าสุดมีหนังสือจากสำนักงบประมาณ ที่ นร 0716 /ว 159 ลงวันที่ 20 กันยายน 2566 แจ้งเรื่องการปรับปรุงคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 25667 ใหม่ภายในวันที่ 6 ตุลาคมนี้ ทางสภาเกษตรกรฯ จึงได้ขอตั้งงบประมาณไปกว่า 1,100 ล้านบาท (กราฟิกประกอบ) คาดคงได้ไม่เต็มจำนวนที่ขอไป แต่จะเป็นนิมิตรหมายที่ดีหากรัฐบาลมองเห็นความสำคัญก็คงจะอนุมัติให้ตามที่ขอ ปัจจุบันสภาเกษตรกรแห่งชาติ เป็นเครื่องจักรสำคัญที่ดูแลพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศกว่า 18 ล้านคน และมีสำนักงานอยู่ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ ที่พร้อมประสานและทำงานควบคู่ไปกับรัฐบาล
เชิญ “เศรษฐา” มอบนโยบาย
นายนัยฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ในเร็ว ๆ นี้ สภาเกษตรกรแห่งชาติจะจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กร โดยจะนำสมาชิกทั่วประเทศประมาณ 1,700 คน และเจ้าหน้าที่ประมาณ 600 คนจัดเวทีใหญ่ และจะเชิญนายกรัฐมนตรี มาปาฐกถาพิเศษและมอบนโยบาย ในเบื้องต้นจะขอเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีก่อน เพื่อขอคำแนะนำในการจัดงาน เพื่อให้องค์กรทั้งประเทศได้ปฏิบัติตามนโยบายเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
“ตามโครงสร้างเดิมของสภาเกษตรกรฯ ในการรับมือแก้ปัญหาสินค้าต่าง ๆ จะมีทั้งหมด 15 คณะ แต่ทั้ง 15 คณะที่ผ่านมาไม่ค่อยมีบทบาท ไม่ตอบโจทย์ ผมจะยุบให้เหลือไม่เกิน 8 คณะ อาทิ คณะยุทธศาสตร์,คณะประมง,คณะปศุสัตว์ คณะสินค้าเกษตร จะรวมข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปาล์มนํ้ามัน เป็นต้น เพราะถ้ารวมกันได้จะประหยัดงบประมาณ และสามารถเอาคนเก่งจริง ๆ เข้าไปทำงาน เพราะบางทีตั้งไว้ไม่มีคนทำงาน เท่าที่ศึกษาบางคณะไม่มีการประชุมเลย ซึ่งต่อไปทั้ง 8 คณะนี้จะมีความสำคัญ ตั้งแล้วต้องทำงานตอบสนองพี่น้องเกษตรกร ตอบสนององค์กร ไม่ใช่ตั้งมาเพื่อเอางบประมาณ ในวันที่จะมีการประชุมจะให้ประธานสภาเกษตรกร 77 จังหวัดกรอกความชำนาญ ความเก่งที่มี เพื่อจัดคณะทำงานให้ตรงกับความรู้ความสามารถ ทั้งนี้ขอให้พี่น้องเกษตรกรทุกคนมั่นใจ ผมเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 และได้ตั้งเป้าว่าภายในไม่เกิน 90 วัน ทุกอย่างต้องลงตัว นี่คือ สภาเกษตรกรแห่งชาติ ยุคใหม่” นายนัยฤทธิ์ กล่าวตอนท้าย
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,928 วันที่ 5-7 ตุลาคม พ.ศ. 2566