ชงหมื่นล้านนำเข้าแม่วัว "จีทูจี" แก้วิกฤติน้ำนมดิบขาดหนัก

ภาพรวมปริมาณนํ้านมดิบในการจัดทำเอ็มโอยู ในโครงการอาหารเสริม (นมโรงเรียน) ปี 2565/2566 มีความต้องการสูงขึ้นถึง 2,295.304 ตันต่อวัน (นมโรงเรียนใช้นํ้านมดิบวันละ 1,050 ตัน จำนวนเด็กนักเรียน 6,734,884 คน) ขณะที่วัตถุประสงค์เพื่อขอสิทธินำเข้านมผงลดลงกว่า 30% จากปีที่ผ่านมา เหลือเพียง 984.652 ตันต่อวัน ส่งผลอุตสาหกรรมนมพาณิชย์ในประเทศไม่เติบโตขึ้น รวมถึงการเลี้ยงโคนมลดน้อยลงจากเกษตรกรเลิกเลี้ยง จากต้นทุนสูง และโรคลัมปี สกินระบาด จะลงทุนใหม่ก็ไม่คุ้มทำให้ต้องเปลี่ยนอาชีพไปทำอย่างอื่น

นายอำนวย ทงก๊ก นายกสมาคมผู้เลี้ยงโคนม และประธานกรรมการ สหกรณ์โคนมวังนํ้าเย็น จำกัด หนึ่งในผู้ประกอบการโครงการนมโรงเรียน เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เวลานี้คนที่มีต้นทุนแต่ไม่มีอำนาจคือ “เกษตรกร” ที่ประสบปัญหาต้นทุนการเลี้ยงโคนมที่สูงขึ้นมากทุกด้าน ทั้งอาหารสัตว์  นํ้านมดิบ ค่าไฟฟ้า และอื่น ๆ นอกจากนี้จากการเกิดโรคระบาด “ลัมปี สกิน” (คลิกอ่าน) ก่อนหน้านี้ ทำให้โคนมในประเทศลดลงจำนวนมาก เมื่อคิดคำนวณต้นทุนนํ้านมดิบ เกษตรกรที่ขายส่งนํ้านมดิบถึงหน้าโรงงานควรจะต้องได้ราคา 24-25 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) และต้องมีค่าบวกเกรดหากทำคุณภาพให้เพิ่มพิเศษอีก 1 บาท

ปัจจุบันก็มีบางโรงซื้อนํ้านมดิบราคาถึง 24 บาทต่อ กก. จากปัญหานํ้านมดิบ ขาดแคลน ต้องแย่งซื้อ แต่ก็ไม่ได้ทุกคน ดังนั้นจะต้องปรับราคากลางนํ้านมดิบใหม่  (ราคาปัจจุบัน 20.50 บาทต่อ กก.) ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ที่กำกับดูแลเรื่องราคาสินค้าและบริการ ควรประกาศราคานํ้านมดิบลอยตัวตามกลไกตลาด เพราะจากนี้หากไม่ทำอะไรเลย “นมโรงเรียน” ก็จะไม่มีนํ้านมดิบส่งให้

“วิธีแก้เพื่อเพิ่มนํ้านมดิบในประเทศ รัฐบาลใหม่ต้องเข้ามาส่งเสริมการเลี้ยงโคนมครั้งใหญ่ อย่างน้อยต้องสั่งซื้อแม่โคนมต่างประเทศเข้ามา 2 หมื่นตัว โดยอาจนำเข้าในลักษณะจีทูจีจากนิวซีแลนด์ หรือออสเตรเลีย ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโคนม เพื่อทดแทนเกษตรกรที่เลิกเลี้ยงไป และวัวที่ตายจากโรคระบาด นอกจากนี้ให้ส่งเสริมฟาร์มที่มีศักยภาพ หรือเกษตรกรรายใหม่ที่สนใจอยากเลี้ยง รวมแล้วจะใช้เม็ดเงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ตลอดห่วงโซ่การผลิต”

ด้านนายนัยฤทธิ์ จำเล ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติคนใหม่ และประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลชุดใหม่ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ทำตามสัญญาที่นายเศรษฐา ทวีสิน ได้รับปากไว้กับเกษตรกรในการที่จะปรับเพิ่มราคานํ้านมดิบ และเพิ่มการบริโภคนมโรงเรียนเป็น 365 วัน และสนับสนุนให้เด็กดื่มนมโรงเรียนจากเดิมตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึง ป.6 โดยขยายไปจนถึงชั้น ม.3 และขอให้บรรจุอยู่ในนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการใน 100 วันแรกหลังเข้ามาบริหารประเทศ

หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,917 วันที่ 27-30 สิงหาคม พ.ศ. 2566