นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร สัมมนาร่วมกับ ดร. อดัม คอร์นิช(Dr. Adam Cornish) ที่ปรึกษาด้านการเกษตร สำนักงานนโยบายการเกษตร กองเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ทางธุรกิจ กระทรวงการต่างประเทศและ คุณเคลลี่ สแตงก์(Ms.Kelley Stange)ที่ปรึกษาเอกอัครราชทูตฝ่ายการเกษตรประจำสถานฑูตอเมริกาแห่งประเทศไทยในประเด็น “ความเข้าใจกฎระเบียบการควบคุมเทคโนโลยี Gene Editing”
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า "ตามที่ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” โดยการยกระดับรายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายใน 4 ปี นั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยี และเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ (Modern biotechnology) รวมถึงประเด็น การปรับแก้ยีน หรือ Gene editing(GEd)ที่มีความปลอดภัยสูง และไม่ใช่การตัดต่อข้ามสายพันธุ์เหมือน GMOs
การปรับแก้พันธุกรรมพืช ด้วยเทคโนโลยี GEdโดยใช้พันธุกรรมที่มาจากพืชที่สามารถผสมกันเองในธรรมชาติ ทำให้การปรับปรุงพันธุ์พืชมีความแม่นยำ ลดเวลาที่ต้องเคยใช้เพื่อคัดหาพันธุ์ใหม่ลง ช่วยให้เกษตรกรเข้าถึงพันธุ์พืชที่มีความแข็งแรง ผลผลิตเพิ่มขึ้น ต้านทานต่อโรคและแมลง ทนทานต่อสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม และมีโภชนาการที่เพิ่มขึ้นได้รวดเร็วทันสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความต้องการอาหารจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น
โดยรัฐมนตรีเกษตรฯ ก็ได้เห็นความสำคัญของเทคโนโลยีดังกล่าว จึงมอบหมายให้ กรมวิชาการเกษตร โดยสำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ จัดงานสัมมนา วิชาการ “เทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ในการแก้ปัญหาภาวะวิกฤตโลกเดือด และศัตรูพืชอุบัติใหม่”ในวันที่ 29 มกราคม 2567 ณ ห้องประชุมกองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร กรมวิชาการเกษตร บางเขน
ภายในงานดังกล่าวจะเป็นการสัมมนาระดมสมอง ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัย ให้ทัดเทียมนานาประเทศ จัดทำแนวทางดำเนินงานและการขัยเคลื่อนเทคโนโลยี GEdของประเทศไทย และสื่อสารกับประชาชนและผู้บริโภคให้เป็นที่เข้าใจ ถึงความปลอดภัยของเทคโนโลยีที่แตกต่างจากGMOs เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี GEdในประเทศ เตรียมพร้อมรองรับภาวะวิกฤตโลกเดือดและศัตรูพืชอุบัติใหม่
นอกจากนี้ ดร. อดัม คอร์นิชกล่าวถึงการใช้เทคโนโลยี GEd ปรับแก้พันธุกรรมจากกลุ่มพืชที่สามารถผสมกันเองตามธรรมชาติ เพื่อให้ได้พันธุ์พืชที่ให้ผลผลิตสูง ต้านทานโรค ทนแล้ง หรือใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เป็นข้อท้าทายอย่างยิ่งของภาคการเกษตร ตลอดจนการเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ในปัจจุบัน ประเทศส่วนใหญ่ของโลกได้ลงทุนงานวิจัยและอนุมัติใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี GEdอาทิ แคนาดา อเมริกา บราซิล อาร์เจนตินา ชิลี ญี่ปุ่น จีน อังกฤษ ฟิลิปปินส์ เคนยา รัสเซีย ออสเตรเลีย ต่างให้การยอมรับเทคโนโลยีGEdทั้งในเชิงการค้า และการบริโภคเช่นเดียวกับพืชปกติทั่วไป เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวในตอนท้ายว่า การสร้างการรับรู้ และความเข้าใจ การปรับปรุงพันธุ์พืชด้วยเทคโนโลยี GEdอย่างถูกต้อง เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงมีความจำเป็นและควรหาจุดยืนสำหรับการใช้เทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ที่มีความปลอดภัยสูง ภายใต้สถานการณ์ของโลกที่ประสบกับปัญหาวิกฤต การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างรวดเร็ว การแพร่ระบาดของศัตรูพืชอุบัติใหม่ที่สร้างความเสียหายภาคการเกษตร เพื่อส่งเสริมและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยมูลค่าสูงของประเทศไทย และขอขอบคุณ USDA อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการเกษตรอเมริกาประจำประเทศไทย ที่ร่วมเสวนาและแลกเปลี่ยนความรู้การใช้เทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ที่มีความปลอดภัยสูง ในวันนี้