วันที่ 11 ก.พ. 67 น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ให้ความสำคัญ กับการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน เช่นเดียวกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ได้จริงจังที่จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้ให้กับเกษตรกร พร้อมมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือให้เกษตรกรมีรายได้อย่างยั่งยืน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มี “โครงการสร้างอาชีพ สร้างรายได้เกษตรกรที่ได้รับการพักชำระหนี้” ซึ่งขยายมาจากนโยบายสำคัญ ของ รมว.ธรรมนัส โดยที่มาของโครงการ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 ครม.มีมติ เห็นชอบมาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตาม เป็นระยะเวลา 3 ปี รวมถึงการพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ผู้เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ดังกล่าว ภายใต้หลักการ “ตลาดนำนวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เพื่อลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ ธ.ก.ส. ที่ได้รับ
ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 สามารถเพิ่มโอกาสนำเงิน
ไปใช้ลงทุนปรับเปลี่ยนหรือขยายการประกอบอาชีพและฟื้นฟูศักยภาพตนเอง
โดยกลุ่มเป้าหมาย เป็นเกษตรกรและบุคคล ที่มีต้นเงินคงเป็นหนี้คงเหลือทุกสัญญารวมกัน ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 ไม่เกิน 300,000 บาท และมีสถานะเป็นหนี้ปกติและหนี้ค้างชำระ (หนี้ 0-3 เดือน และหนี้ NPL) จำนวน 300,000 รายต่อปี (สะสม 3 ปี รวมจำนวนทั้งสิ้น 900,000 ราย)
โดยปัจจุบันมีลูกค้า ธ.ก.ส. ที่แสดงความประสงค์พักชำระหนี้แล้วจำนวน 1,735,081 ราย ซึ่งมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมโครงการฟื้นฟูศักยภาพลูกค้าพักชำระหนี้ฯ จำนวน 908,300 ราย (ข้อมูลจาก ธ.ก.ส. ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567)
น.ส. เกณิกา กล่าวต่ออีกว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกร ที่รัฐบาลมุ่งส่งเสริมให้แข็งแรง และถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญในแง่ของการสร้างฐานะทางเศรษฐกิจประเทศอีกด้วย