ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒนา ผู้แทนการค้าไทย เป็นประธานเปิดงานสัมมนาส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมจีน (คุนหมิง) – ไทย หอประชุมใหญ่ (กวางหวาถัง) อาคารหอการค้าไทย-จีน ถนนสาทรใต้ กรุงเทพฯ โดยมี นายหลิว หง เจี้ยน คณะกรรมการบริหารพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมณฑลยูนนาน และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเทศบาลเมืองคุนหมิง นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน คณะกรรมการหอการค้าไทย-จีน นายหวัง ย่า คณะกรรมการบริหารพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเมืองคุนหมิง และรองนายกเทศมนตรี เมืองคุนหมิง ผู้ประกอบไทย และผู้ประกอบการจีนเข้าร่วม
ผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า ประเทศไทยและประเทศจีนมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานและมั่นคง ความสัมพันธ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงด้านวัฒนธรรม การศึกษา และการแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยีด้วย
งานสัมมนานี้ เป็นโอกาสสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือที่มีอยู่ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเป็นเวทีในการพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับจังหวัดร่วมกัน ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและจีนต่างต้องเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การแข่งขันในตลาดโลก และสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผันผวน ความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างเราจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ
ผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า คุนหมิงมีความได้เปรียบในทำเลที่ตั้งซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของ “สามวง” ตัดกัน ได้แก่ วงการค้าเสรีอาเซียน วงความร่วมมือทางเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และวงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล ด้วยการพัฒนาของความริเริ่ม "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ของจีน และการเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟจีน-ลาว-ไทย (รางมาตรฐาน) ข้อได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้ง ศูนย์กลางของภูมิภาค และการเปิดกว้างมีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยตั้งอยู่ในใจกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นศูนย์กลางการค้า และโลจิสติกส์ที่สำคัญ รัฐบาลไทยยินดีที่จะทำงานร่วมกับคุนหมิง เพื่อเสริมสร้างการประสานงานด้านนโยบายและการลงทุนด้านทรัพยากร
ส่งเสริมการเชื่อมต่อของโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งข้ามพรมแดนและการเชื่อมต่อโครงข่ายเหล่านี้ สามารถส่งเสริมการค้าที่ไร้อุปสรรค การบูรณาการทางการเงิน และการไปมาหาสู่กันของประชาชน ซึ่งจะเสริมแรงผลักดันใหม่ให้กับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างทั้งสองฝ่าย
ผู้แทนการค้าไทยเสนอความร่วมมือเพิ่มเติมระหว่างกัน 3 ด้าน ดังนี้
1.ความร่วมมือด้าน เศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ให้ทั้งสองฝ่ายควรใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จาก RCEP สนับสนุนการอัพเกรด ASEAN - China FTA ที่มีคุณภาพสูง และเร่งรัดการจัดทำความตกลงทวิภาคีด้านการค้าและการอำนวยความสะดวกทางการค้าเพิ่มเติม ตลอดจนขจัดอุปสรรคในการลงทุนและส่งเสริมการลงทุนสองทาง
โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ EV ดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ BCG หรือ Bio-Circular-Green Economy พร้อมทั้งส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกัน ทั้งในการเชื่อมโยงรถไฟไทย - ลาว - จีน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ของไทย ซึ่งจะเป็นฮับใหม่ด้านเศรษฐกิจของไทยและมีศักยภาพสูงที่จะร่วมมือกับจีน
2.ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ควรเพิ่มพูนความร่วมมือทางการศึกษาและการวิจัยในเทคโนโลยีขั้นสูง ทั้งในด้าน AI ยาชีวภาพ และเทคโนโลยีสีเขียว ตลอดจนให้ความสำคัญกับการขยายผลงานวิจัยเพื่อเพิ่มมูลค่าในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม และสร้างโอกาสให้แก่ SME และ Start-up เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในภาพรวม โดยสามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มความร่วมมือที่มีอยู่
3.ความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน ซึ่งเป็นความร่วมมือที่สำคัญยิ่ง ในการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชน และเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ไทย-จีนในระยะยาว
โดยควรใช้ประโยชน์จากความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางไทย และ จีน ที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มีนาคม พร้อมทั้งส่งเสริมความร่วมมือในด้าน soft power อื่นๆ ทั้งในเรื่องอาหาร กีฬา แฟชั่น ภาพยนตร์ วัฒนธรรม การบริการและ hospitality ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสเพิ่มเติมทางเศรษฐกิจ
“หวังให้กิจกรรมส่งเสริมความร่วมมือครั้งนี้ บริษัทไทยที่เข้าร่วมจะได้รับโอกาสในการขยายตลาด และสร้างพันธมิตรใหม่ ๆ ในคุนหมิง ขอให้การแลกเปลี่ยนความรู้ และเทคโนโลยีระหว่างไทย และจีน เป็นตัวเร่งให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและมั่นคง โดยเฉพาะการแสวงหาโอกาสใหม่ในทางเศรษฐกิจและขยายเครือข่ายทางธุรกิจ ขอให้พัฒนาความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยกับจีนให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นต่อไป” ผู้แทนการค้าไทย ระบุ