บูมอาหารอนาคตไทย ผงาดงาน “ไทยเฟ็กซ์” ลุยส่งออก 155 ประเทศ

27 พ.ค. 2567 | 11:04 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ค. 2567 | 11:49 น.

“อาหารอนาคตไทย” เป็นอาหารที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการดูแลสุขภาพไปพร้อมกับการดูแลและสร้างความยั่งยืนให้แก่โลก

อาหารอนาคตไทย ปัจจุบันเริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยการส่งออกของอาหารอนาคตของไทยมีการส่งออกไปยังทั่วโลกกว่า 155 ประเทศ

สินค้าอาหารอนาคตไทยปัจจุบันมีการปรับปรุงพัฒนาสินค้าและมีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งผู้บริโภคเริ่มเห็นกันในท้องตลาด หากแบ่งกลุ่มของสินค้าอาหารอนาคตไทยจะสามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

บทความโดย : วิศิษฐ์  ลิ้มลือชา นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป และนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย

กลุ่มที่ 1 อาหารฟังก์ชั่นและสารประกอบเชิงฟังก์ชัน (Functional food & Functional ingredients) อาทิ สารสกัด Nutrition adjustment ซอสและเครื่องปรุงรสต่าง ๆ ที่มีการปรับปรุงสูตรลดหวาน ลดไขมัน ลดโซเดียม น้ำผลไม้ ผลไม้อบแห้ง เพิ่มวิตามินและลดน้ำตาล นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์โพรไบโอติก เช่น เครื่องดื่มชาหมัก กลุ่มเครื่องดื่มเชิงฟังก์ชั่นต่าง ๆ เป็นต้น

กลุ่มที่ 2 คือ อาหารทางการแพทย์และอาหารเฉพาะบุคคล( Medical food & Personalized food) อาทิ อาหารผู้ป่วยเฉพาะโรค อาหารสาหรับผู้สูงวัยต่าง ๆ

กลุ่มที่ 3 คือ อาหารอินทรีย์ (Organic) อาทิ ผลิตผลอินทรีย์ พืช ผักธัญพืช ผลไม้ และ ผลิตภัณฑ์อาหารอินทรีย์ โดยเฉพาะผลไม้ไทยที่เป็นที่โด่งดังไปยังต่างประเทศ อย่างทุเรียนอินทรีย์ และมังคุดอินทรีย์ เป็นต้น

กลุ่มที่ 4 คือ อาหารโปรตีนทางเลือก (Alternative protein) อาทิ Plant-based, Insect-based, Microbial-based, Algae-based และ Novel food เช่น กลุ่มเนื้อเพาะเลี้ยง Cultured meat เป็นต้น โดยกลุ่มนี้เป็นกลุ่มสินค้าที่กำลังมาแรงในหมู่ผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่ม Flexitarian กลุ่มผู้บริโภคที่ลดทานเนื้อสัตว์ลง เช่น ลดทานในวันพระ หรือ งดในบางมื้อ เป็นต้น

จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าสินค้าอาหารอนาคตไทยมีความหลากหลายและมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตอบโจทย์กับผู้บริโภคทั้งด้านโภชนาการและรสชาติ เช่น มีการปรับรสชาติให้คงเอกลักษณ์ความเป็นไทยมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากสินค้าต่าง ๆ ในตลาดปัจจุบัน เช่น กลุ่มสินค้า Plant Based Food ในรูปแบบอาหารพร้อมปรุงรสหรือพร้อมรับประทานในเมนูอาหารไทยต่าง ๆ เช่น ต้มยำ ผัดกะเพรา ทอดมัน ไส้อั่ว ไส้กรอกอีสาน แกงเขียวหวาน แกงกะทิของไทย เป็นต้น และในกลุ่มของอาหารทานเล่นก็มีการนำรสชาติอาหารไทยไปเป็นสูตรต่าง ๆ เช่นเดียวกัน ได้แก่ แมลงอบกรอบรสต้มยำ หรือ ขนมอบกรอบรสข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียน ที่เน้นลดความหวาน เพื่อความอร่อยที่ดีต่อสุขภาพ เป็นต้น

เอกลักษณ์อาหารไทยดังไกลทั่วโลก อาหารไทยเป็นหนึ่งในอาหารที่มีความหลากหลายและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ รสชาติอาหารไทยมักครบรสมีการผสมผสานระหว่างความเผ็ด หวาน เปรี้ยว และเค็ม ประกอบกับวัตถุดิบอาหารไทย วัตถุดิบท้องถิ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ทั้งสมุนไพรและเครื่องเทศต่าง ๆ เช่น ตะไคร้ ใบมะกรูด และพริกขี้หนู วัตถุดิบเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้อาหารไทยมีรสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัว นอกจากนี้ การปรุงอาหารไทยยังมีความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนในการปรุง ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้อาหารไทยเป็นที่ชื่นชอบทั้งของชาวไทยและผู้คนทั่วโลก

นอกจากนี้ไทยยังถือเป็นผู้ผลิตอาหารที่สำคัญ และเป็นครัวของโลก หากนำเอกลักษณ์อาหารไทยมาผสานกับเทรนด์อาหารและความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก ที่ต้องการอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ดีต่อโลก และรสชาติยังต้องอร่อย

ดังนั้นหากอาหารไทยสามารถผสมผสานระหว่างเอกลักษณ์อาหารไทยและแนวคิดอาหารอนาคตได้นั้น จะช่วยเสริมสร้างโอกาสให้แก่อุตสาหกรรมอาหารและอาหารอนาคตไทยได้

ปัจจุบันอุตสาหกรรมอาหารไทยเริ่มมีการปรับตัว มีการพัฒนาสินค้าอาหารเป็นอาหารอนาคตไทยเพิ่มมากขึ้นและมีการนำเอกลักษณ์ความเป็นไทย สูตรอาหารไทย วัตถุดิบท้องถิ่น (Local ingredient) มาพัฒนาและประยุกต์ใช้ในสินค้าอาหารอนาคตไทยเพิ่มมากยิ่งขึ้นและได้เกิดแนวคิด Thainess Future Food เกิดขึ้น นอกจากจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดความตระหนักรู้และเข้าถึงผู้บริโภคไทยมากขึ้นแล้ว ยังสามารถใช้เอกลักษณ์ของอาหารไทย ที่เป็นที่รู้จักของทั่วโลกเชิญชวนให้ผู้บริโภคต่างประเทศมาลิ้มลองรสของอาหารอนาคตของไทย และสามารถส่งเสริมเพื่อขยายตลาดไปได้ทั่วโลก ช่วยเสริมสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจให้ไทยเติบโตเพิ่มมากขึ้น

อีกหนึ่งปัจจัยสาคัญในการผลักดันโอกาสสินค้าอาหารอนาคตไทยในแนวคิด Thainess Future Food คือการสนับสนุนและความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน การสนับสนุนทางด้านการตลาด การประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ อาทิ กิจกรรม Business Matching การส่งเสริมให้มีการออกงานจัดแสดงสินค้า โดยงานแสดงสินค้าที่สำคัญในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทยคือ “THAIFEX – ANUGA ASIA 2024”

โดยงานดังกล่าวเป็นงานแสดงสินค้าที่เป็นเวทีเจรจาธุรกิจด้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เกิดจากความร่วมมือของรัฐและเอกชน ทั้งจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ หอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ่ เยอรมนี โดยงาน“THAIFEX – ANUGA ASIA 2024” จะจัดขึ้นในวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2567 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด Beyond Food Experience ที่เป็นมากกว่างานแสดงสินค้าอาหาร

ในปีนี้ภายในงานมีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ารวมกว่า 3,000 บริษัท มากกว่า 6,000 คูหา จาก 50 ประเทศ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานตลอดทั้ง 5 วัน เป็นจานวน 80,000 ราย จากทั่วโลก ประมาณการมูลค่าการสั่งซื้อสินค้าจากงานปีนี้รวมกว่า 100,000 ล้านบาท และมีกิจกรรมไฮไลท์มากมาย อาทิ พื้นที่แสดงสินค้าพิเศษ 6 โซน ได้แก่ THAIFEX – ANUGA Future Food Market, THAIFEX – ANUGA Halal Market, THAIFEX – ANUGA Organic Market, THAIFEX – ANUGA Startup, THAIFEX – ANUGA taste Innovation Show และ THAIFEX – ANUGA Trend Zone และยังมีนิทรรศการ อาทิ Thai SELECT Pavilion รวมทั้งการเสวนาให้ความรู้ และกิจกรรมเปิดโลกการค้ากับทูตพาณิชย์ เป็นต้น นอกจากนั้นโคโลญเมสเซ่ยังได้จัดกิจกรรมพิเศษ เช่น Future Food Experience+ อีกด้วย

จากไฮไลต์งานจะเห็นได้ว่าเทรนด์อาหารอนาคตกำลังมาแรงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งภายในงาน“THAIFEX – ANUGA ASIA 2024” ในครั้งนี้มีผู้ประกอบการอาหารอนาคตไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก และสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทยได้รับความอนุเคราะห์จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในการได้รับพื้นที่คูหา ณ บริเวณ Foyer Challenger 2 เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าอาหารอนาคตภายในงานครั้งนี้ด้วย

ดังนั้นงาน “THAIFEX – ANUGA ASIA 2024” จึงเป็นมากกว่างานแสดงสินค้าโดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบอาหารและผู้ที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่สนใจสามารถมาเจรจาการค้า อัปเดตเทรนด์อาหาร และติดตามสินค้าอาหารอนาคตไทยใหม่ ๆได้ โดยเฉพาะอาหารอนาคตไทยที่ผสมผสานเอกลักษณ์ความเป็นไทยตามแนวคิด Thainess Future Food