ตะวันออกกลาง 15 ประเทศ ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพของไทย ปี 2566 การค้าไทย-ตะวันออกกลางมีมูลค่ารวม 1.38 ล้านล้านบาท โดยไทยส่งออก 3.93 แสนล้านบาท นำเข้า 9.88 แสนล้านบาท ไทยขาดดุลการค้า 5.95 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากไทยมีการนำเข้าสินค้าในกลุ่มนํ้ามัน และก๊าซธรรมชาติจากตะวันออกกลางเป็นสินค้าหลัก อย่างไรก็ดีตลาดตะวันออกกลางเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ภาครัฐและเอกชนไทยได้เร่งช่วยกันเจาะตลาดต่อเนื่อง
นายอัครวุฒิ ตั้งศิริกุศลวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เวก้า กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ล่าสุด เวก้า กรุ๊ป ในนาม เวก้า อินเตอร์เทรด แอนด์ เอ็กซิบิชั่น ผู้จัดงานชั้นนำ และผู้เชี่ยวชาญด้านงานจัดแสดงสินค้าและงานอีเวนต์ที่มีประสบการณ์ในตลาดตะวันออกกลางมานานกว่า 20 ปีได้ร่วมกับผู้จัดงานเทศกาล Sheikh Zayed Festival (SZF) ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2568
ทั้งนี้จะเนรมิตตลาดนํ้าไทยในใจกลางของงานที่เป็นโลเคชั่นที่ดีที่สุด บนพื้นที่ กว่า 5,000 ตารางเมตรเพื่อนำเสนอสินค้า บริการ และศิลปะวัฒนธรรมไทย ในหลายมิติ ทั้งมิติการเห็น การชิม การได้ยิน และการสัมผัส โดยสินค้าเป้าหมายสินค้าไทยที่จะชักชวนไปในงานนี้มีหลากหลาย ทั้งสินค้าอาหาร ร้านอาหาร ผลไม้ สมุนไพร อัญมณีและเครื่องประดับในดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย ปลากัดไทย และอื่น ๆ
“ในงานนี้เวก้าฯได้เป็นผู้จัดสร้างพาวิลเวียนเลียนของประเทศต่าง ๆ ทั้งไทย จีน รัสเซีย ในส่วนของไทยจะโชว์คอนเซปต์ Siam / The Paradise of Asia เวลานี้การเตรียมงานได้คืบหน้าไปแล้วประมาณ 70% ตั้งเป้าหมายในส่วนของผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานนี้ประมาณ 40 ราย และจะมีการซื้อขายและมีเงินสะพัดประมาณ 500 ล้านบาท ไม่นับรวมออร์เดอร์ต่อเนื่อง”
ขณะเดียวกัน เวก้า กรุ๊ป ยังได้ร่วมกับ Kuwait International Fair (KIF) ซึ่งเป็นศูนย์การแสดงสินค้า และนิทรรศการที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดของประเทศคูเวต ที่ได้จัดงานแสดงสินค้าต่าง ๆ และงานอีเว้นท์สําหรับผู้บริโภคมากมายเป็นเวลาเกือบ 40 ปี โดยงาน Little Word Kuwait จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ถึง 1 มีนาคม 2568 บนพื้นที่ประมาณ 20,000 ตารางเมตร
ทั้งนี้งาน Little World Kuwait จะรวบรวมพาวิลเลียนจากทั่วโลกรวมถึงพาวิลเลียนไทยไปสร้างสีสันและแสดงความหลากหลายของวัฒนธรรม ที่จะดึงดูดผู้คนในประเทศคูเวต และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกนับแสนคน เข้าไปสัมผัสกับสินค้าใหม่ ๆ ซึ่งถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะเข้าร่วมงานและนำเสนอสินค้าในครั้งนี้ คาดจะมีเงินสะพัดสำหรับผู้ประกอบการไทยในงานนี้ไม่ตํ่ากว่า 500 ล้านบาท
สำหรับสินค้าไทยที่มีศักยภาพและมีโอกาสสำหรับงานนี้ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลความงามและของใช้ส่วนตัว,ของที่ระลึกและงานหัตถกรรม,อัญมณีและเครื่องประดับ, ของตกแต่งบ้าน, แฟชั่น เสื้อผ้า รองเท้า, เครื่องเทศและอาหาร, อาหารสําเร็จรูปและเครื่งดื่ม, สินค้าเพื่อสุขภาพ, ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและออร์แกนิค,นํ้าหอมและนํ้ามันกฤษณา ทั้งโอกาสในการเปิดตลาดใหม่ การขายทำกำไร และต่อยอดส่งออก โดยคูเวตมีจุดเด่นคือไม่มีนโยบายเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) สำหรับสินค้าและบริการ ทำให้เป็นประเทศที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มกำไรอย่างสูงสุด
“นอกจากจุดเด่นเรื่องไม่มีแวตแล้ว คูเวตยังมีเศรษฐกิจที่มั่นคงด้วยค่าเงินที่แข็งแกร่ง คนมีกำลังซื้อสูงและยังมีที่ตั้งอยู่ในจุดตัดของเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญเชื่อมต่อสู่ทุกภูมิภาค สามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการไทยทำการค้าระหว่างประเทศได้อีกระดับ” นายอัครวุฒิ กล่าว