ผู้นำเข้า "องุ่นไชน์มัสแคท" ส่อเจ๊งขายไม่ได้ หลังตรวจพบสารตกค้าง

จากเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN) ร่วมกับนิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้สุ่มตรวจองุ่นไชน์มัสแคท นำเข้าจากจีน 24 ตัวอย่างทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยสุ่มตรวจสารเคมีเกษตรมากกว่า 400 ชนิด พบสารเคมีเกษตรตกค้างในทุกตัวอย่างที่ตรวจ และพบตกค้างเกินค่ามาตรฐานมากถึงร้อยละ 95.8 นั้น

นายสัญชัย ปุรณะชัยคีรี นายกสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย  เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” โดยได้ตั้งข้อสังเกตในฐานะนายกสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทยว่า การสุ่มตรวจดังกล่าวทำเพื่ออะไร และทำไมตรวจเฉพาะเจาะจงองุ่นไชน์มัสแคทจากจีน ทำไมไม่เอาองุ่นนำเข้าจากออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา หรือจากอินเดีย มาทำการสุ่มตรวจเปรียบเทียบด้วย และใช้มาตรฐานอะไรในการตรวจ และมีวิธีการตรวจสอบอย่างไร เรื่องเหล่านี้ต้องสร้างความชัดเจน  

“ส่วนตัวมองว่ากำลังทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน เอกสารที่ตรวจแล้วทำไมไม่โชว์ จะได้รู้ข้อเท็จจริง วันนี้ปัญหากลายเป็นการเมืองไปแล้ว เหมือนเป็นเครื่องมือที่จะมาโจมตีจีน ส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้าผลไม้เดือดร้อนกันหมด ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร แล้วทำไมไม่ตรวจองุ่นนำเข้าจากทุกประเทศทำไมตรวจเฉพาะจีน ประเด็นเหล่านี้ต้องตอบสังคมด้วย เพราะหากไม่สร้างความกระจ่างจะสร้างความเสียหายตามมา”

นายสัญชัย กล่าวอีกว่า ผลกระทบผู้นำเข้าเมื่อนำสินค้าเข้ามาแล้ว แล้วมีคนนำไปขยายความในโซเซียล จากเพียงเรื่องเดียว ทำให้ต่อยอด แตกเป็นหลายประเด็น ทำให้คนที่นำเข้ามาแล้ว หรือคนไทยที่ไปเหมาสวนจากประเทศจีนก็เดือดร้อน ขายไม่ได้ จากคนไม่กล้าซื้อมารับประทาน แต่ก็ยังโชคดีที่ยังมีข่าวออกมาเป็นทางบวก ที่กระทรวงสาธารณสุขออกมาชี้แจงว่าสารเหล่านี้ล้างออกได้

“ผมสงสัย คำว่าสารตกค้างเกินค่ามาตรฐานคือเท่าไร แล้วทำไมไปเอาค่าตรวจมาตรฐานยุโรปหรือสหรัฐอเมริกามาวัด ซึ่งความจริงเวลาวัดค่ามาตรฐานจะต้องใช้มาตรฐานไทย ตามกฎหมายประเทศไทย สิ่งที่กังวลก็คือต่อไปการส่งออกผลไม้ไทยไปจีนอาจจะมีปัญหา ที่สำคัญคือ ไทยมีการส่งออกทุเรียนไปจีนปีละเป็นแสนล้านบาท กรณีตรวจพบสารตกค้างในองุ่นไชน์มัสแคท อาจนำสู่การยกระดับการตรวจทุเรียนที่เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันจีนก็มีการตรวจพบสารตกค้างในทุเรียนไทยเป็นระยะ และมีการคุมเข้มการนำเข้าโดยตรวจสอบสารตกค้างอย่างเข้มข้นอยู่แล้ว ” นายสัญชัย กล่าว