ส.อ.ท.ลุยตั้งกลุ่มอุตฯป้องกันประเทศ รับอานิสงส์ขัดแย้งภูมิศาสตร์โลกลาม

03 พ.ย. 2567 | 01:53 น.
อัปเดตล่าสุด :03 พ.ย. 2567 | 02:22 น.

สภาอุตสาหกรรมฯ พร้อมหนุนตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ดาวรุ่งดวงใหม่ รับอานิสงส์ขัดแย้งภูมิศาสตร์โลกขยายตัว ดันไทยฮับภูมิภาค ระบุมีซัพพลายเชนหลากหลายพร้อมสนับสนุน พร้อมใช้เป็นกระบอกเสียงถกรัฐบาลแก้อุปสรรค “ชัยเสรีฯ” บิ๊กวงการ ชี้อาเซียนพร้อมหนุนไทย

นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานสายงานสื่อสารองค์กร เปิดเผยในการนำคณะสื่อมวลชน เข้าเยี่ยมชมบริษัท ชัยเสรีเม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด บริษัทในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศชั้นนำของประเทศ ผู้ผลิต ซ่อม และส่งออกรถหุ้มเกราะสัญชาติไทย(สินค้าเมด อิน ไทยแลนด์)ไปประจำการในกองทัพขององค์การสหประชาชาติ หรือ UN และอีกกว่า 46 กองทัพทั่วโลก มีที่ตั้งบริษัท และสายการผลิตอยู่ที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปุทมธานี ว่า

อุตสาหกรรมป้องกันประเทศเป็นอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพที่จะแข่งขันได้ และตรงตามนโยบายของนายเกรียงไกร  เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยคนปัจจุบัน ที่กำหนดไว้ชัดเจนว่า นอกจาก ส.อ.ท.จะส่งเสริมและสนับสนุน และกำกับดูแลสมาชิกในอุตสาหกรรมพื้นฐานต่าง ๆ ของ ส.อ.ท.ในปัจจุบันที่มีอยู่ 46 กลุ่มอุตสาหกรรมแล้ว ยังมุ่งเน้นอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่เรียกว่า New S-Curve ซึ่งมีอยู่ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ของประเทศ โดย1 ใน 12 กลุ่มอุตสาหกรรมคือ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

ส.อ.ท.มองว่าอุตสาหกรรมป้องกันประเทศจะเป็นอีกอุตสาหกรรมดาวรุ่งที่ควรให้ความสนใจและให้การสนับสนุน เนื่องจากจะเห็นได้ว่าเวลานี้โลกมีความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) มาก ดังนั้นในเรื่องขีดความสามารถในการดูแลความมั่นคงหรือการปกป้องอธิปไตยของแต่ละประเทศจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น และอีกปัจจัยหนึ่งคือ การแข่งขันในแต่ละอุตสาหกรรมในอนาคต เรื่องการปกป้องแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ และพลังงานถือมีความสำคัญ

นาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

ดังนั้นการที่มีอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง และยังช่วยให้สามารถเสริมสร้างความสามารถในการดูแลทรัพยากรและพลังงานได้ ทาง ส.อ.ท.จึงมีการกำหนดเป้าหมายในการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และเป็นโอกาสดีที่สภาอุตสาหกรรมฯ ได้มารับฟังการดำเนินการของบริษัท ชัยเสรีเม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทชั้นแนวหน้า และเป็นผู้บุกเบิก(Pioneer) อุตสาหกรรมด้านนี้ของประเทศ

ทั้งนี้ได้รับทราบถึงข้อจำกัดที่ยังเป็นอุปสรรคต่ออุตสาหกรรมฯ จากผู้บริหารของบริษัทฯ ทั้งในด้านวัตถุดิบ การวิจัยและพัฒนา และที่สำคัญคือการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่ง ส.อ.ท. จะรับข้อเสนอแนะต่าง ๆ ไปผลักดันในเชิงนโยบาย เพื่อให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนา และส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้ให้เติบโตยิ่งขึ้นต่อไป ที่สำคัญเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มต่อหน่วยสูงมาก

ส.อ.ท.ลุยตั้งกลุ่มอุตฯป้องกันประเทศ  รับอานิสงส์ขัดแย้งภูมิศาสตร์โลกลาม

เมื่อถามว่าอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เป็นอุตสาหกรรมที่ ส.อ.ท.จะผลักดันในการจัดตั้งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ในสภาอุตสาหกรรมฯ ใช่หรือไม่ นายนาวา กล่าวว่า ก็เป็นแนวคิด  ซึ่งกำลังเชิญชวนบริษัทที่มีความสามารถมาร่วมจัดตั้งกลุ่ม เช่น บริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ ซึ่งปัจจุบันก็เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว

การรวมเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศภายใต้ ส.อ.ท. จะทำให้สามารถวอยซ์ หรือรวบรวมเสียงได้มีน้ำหนักมากขึ้นในการเจรจาหารือ หรือนำเสนอปัญหาและข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยจะสามารถส่งผู้แทนของกลุ่มไปนำเสนอปัญหาได้อย่างรวดเร็วและตรงประเด็นมากยิ่งขึ้น

“หากมีการจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศได้ จะช่วยให้เกิดซัพพลายเชน หรือห่วงโซ่การผลิตที่เกิดประโยชน์ต่อเนื่องในหลาย ๆ อุตสาหกรรมตามมาอีกมาก ซึ่งจริง ๆ ในสภาอุตสาหกรรมฯ ปัจจุบันมีบริษัทที่สามารถร่วมเป็นซัพพลายเชนได้อยู่แล้ว  จากอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบหลากหลาย เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก ก็สามารถซัพพลายได้ รวมถึงอุตสาหกรรมแก้วและกระจก อุตสาหกรรมเครื่องจักรและโลหะ ซึ่งสมาชิกสภาอุตสาหกรรมฯมีหลาย ๆ บริษัทซึ่งเป็นสมาชิกของบางกลุ่มอุตสาหกรรมอยู่แล้ว สามารถมาจับมือกันจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศได้”

นายนาวา กล่าวอีกว่า หากสามารถจัดดั้งกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ มีโอกาสความเป็นไปได้สูงที่ไทยจะเป็นศูน์กลาง หรือฮับด้านนี้ของภูมิภาคได้ เพราะไทยมีความได้เปรียบ คือมีอุตสาหกรรมพื้นฐานที่มีความเข้มแข็งและหลากหลาย รวมถึงยังมีบริษัทผู้บุกเบิกด้านนี้อยู่แล้ว หากสามารถแจ้งเกิดได้ และมีการปรับกฎระเบียบบางอย่างที่ยังเป็นอุปสรรค หรือภาครัฐให้การสนับสนุนในบางเรื่อง มั่นใจว่าอุตสาหกรรมนี้จะเป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่งในกลุ่ม S-Curve ของไทยอย่างแน่นอน

ขณะที่ในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ สินค้าที่ผลิตในประเทศ และได้รับเครื่องหมายรับรอง Made in Thailand (MiT) จะได้แต้มต่อแค่ 5% ( สินค้าที่ได้รับรองเครื่องหมาย MiT ได้รับแต้มต่อในเข้าร่วมการจัดจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐโดยสามารถเสนอราคาสูงกว่าผู้ประกอบการทั่วไปได้ไม่เกินร้อยละ 5 ของราคาต่ำสุดของผู้ประกอบการที่เข้าร่วม ทำให้มีโอกาสในการได้รับการพิจารณาคัดเลือกก่อน)

“สมมุติถ้าเกิดบางอุตสาหกรรมที่จำเป็นหรือบางช่วงเวลาที่จำเป็นจริง ๆ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยก็ยื่นข้อเสนอไปกับรัฐบาลแล้วว่า เราอาจจะขอแต้มต่อที่กว้างขึ้น ซึ่งแทนที่จะเป็น 5% อาจต้องขอเป็น 10% เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งหรือไม่ ซึ่งผมมองว่าอุตสาหกรรมป้องกันประเทศอาจเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เราสามารถขอขยายแต้มต่อได้” นายนาวา กล่าว

กานต์  กุลหิรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยเสรีเม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด

ด้าน นายกานต์  กุลหิรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยเสรีเม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด ให้ความเห็นถึงศักยภาพที่ไทยจะเป็นฮับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของภูมิภาคอาเซียนได้หรือไม่ว่า นอกจากไทยมีศักยภาพในการผลิตทางด้านยุทโธปกรณ์ และยุทธภัณฑ์แล้ว ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของไทยยังเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ดังนั้นในภาพของซัพพลายเชนต่าง ๆ สามารถเข้าไปซัพพอร์ต(สนับสนุน)ลูกค้าได้ใกล้กว่าต่างชาติที่มาจากยุโรปหรืออเมริกา

ในอีกมุมหนึ่ง ในภาคพื้นอาเซียนที่ประเทศสมาชิกมีความร่วมมือกันในหลากหลายมิติ จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้เข้าไปประมูลงานในหลากหลายพื้นที่ หลายประเทศยินดีที่จะซื้อสินค้าป้องกันประเทศจากไทยมากกว่าของทางยุโรป เพราะเชื่อมั่นว่าในกรณีที่มีปัญหาอย่างไรก็เป็นภูมิภาคเดียวกัน สามารถซัพพอร์ตกันได้เร็วกว่า