เอกชน ฟันธงการลงทุนในไทยจะเพิ่มขึ้น ถ้า "ทรัมป์" นั่งปธน.สหรัฐฯ

06 พ.ย. 2567 | 06:47 น.
อัปเดตล่าสุด :06 พ.ย. 2567 | 09:54 น.

ภาคเอกชน พร้อมรับมือผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ ส่งออกกระทบไม่รุนแรง หาก "ทรัมป์" ชนะ โอกาสต่างประเทศลงทุนในไทยจะเพิ่มขึ้น

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนจับตาผลการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด และเชื่อว่าไม่เฉพาะภาคเอกชนเท่านั้น รัฐบาลเองก็ติดตามอย่างใกล้ชิดเช่นกัน เพราะไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการส่งออก 

ทั้งนี้ จากมาตรการกีดกันทางการค้ารอบใหม่ แต่ความรุนแรงอาจจะแตกต่างกัน ซึ่งเมื่อช่วงเช้าก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมสังเกตการณ์ที่สถานทูตสหรัฐฯ เห็นได้ชัดว่าทุกคนลุ้นมากว่าใครจะได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งต้องยอมรับว่าทรัมป์คะแนนนำไปมาก

ขณะเดียวกัน หากโดนัล ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่อง Climate change หรือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากนัก ซึ่งทรัมป์จะเน้นนโยบาย America first มาเป็นอันดับแรก รวมถึงการเพ่งเล็งไปที่ประเทศที่ได้ดุลการค้า โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่เกินดุลการค้าสูงและมีมูลค่าการส่งออกขยายตัวได้ดี เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เซมิคอนดักเตอร์ ยางล้อ และกลุ่มสินค้าเกินดุลปานกลาง และมูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เช่น เครื่องปรับอากาศ โซลาร์เซล เป็นต้น

“เรื่องเศรษฐกิจ ทรัมป์เป็นคนพูดตรงไปตรงมา หากมีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ไทยก็คงไม่เสียเปรียบมากเท่าจีน เช่น การขึ้นภาษี EV จากจีน ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้เห็นการย้ายฐานผลิต EV จากจีนมาไทย ดังนั้น เชื่อว่าหากทรัมป์ชนะ การลงทุนในไทยจะเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ไทยก็ต้องไม่ทำให้สหรัฐฯรู้สึกว่า จีนแค่ย้ายฐานผลิตมา และยังใช้ซัพพลายทั้งหมดจากจีนไม่ใช้ made in thailand อย่างแท้จริง

ดังนั้นซัพพลายควรจะเป็นของไทย ซึ่งผู้ประกอบการไทยก็ต้องพร้อมเสริฟซัพพลายทั้งหมด เรื่องนี้เราได้หารือกับบอร์ดบีโอไอ ในเรื่องของการลงทุนจีน ซึ่งต้องย้ำว่าจีนต้องมาพร้อมกับการลงทุน Local content" นายสนั่น กล่าว

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ เมื่อครั้งที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก ทุกภาคส่วนก็ได้ไปแสดงถึงความจริงใจที่ไทยจะไปลงทุนที่อเมริกา จึงคิดว่าไทยจะสามารถจัดการ และปรับตัวได้

ทั้งนี้ หากผู้ชนะคือ กมลา แฮร์ริส กติกาโลกต่าง ๆ จะถูกเน้นย้ำ และให้ความสำคัญมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น IMF, WTO, world bank สิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อม ซึ่งตรงกันข้ามกับทรัมป์ ซึ่งไทยจะต้องติดตามความคืบหน้าของนโยบายเหล่านี้ต่อไป ที่สำคัญภาครัฐและเอกชนต้องเตรียมหาแนวทางร่วมกันรับมือกับนโยบายที่จะมีการเปลี่ยนแปลงภาคเอกชนไทย

“ผลการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะออกมาอย่างไร ไทยได้รับผลกระทบไม่มาก ซึ่งต้อมยอมรับว่าสินค้าที่สหรัฐนำเข้าจากไทยเป็นสินค้าจำเป็น หากมีการขึ้นภาษี สินค้าในอเมริกาก็แพงขึ้น เงินเฟ้อมากขึ้น อเมริกาทิ้งไทยไม่ได้อยู่แล้ว เพราะไทยมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ และมีความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐฯ ”