วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ณ กรุงลิมา ศูนย์ประชุมลิมาคอนเวชั่นเซ็นเตอร์ เวลา 09.00 น. (เวลาท้องถิ่นเปรู) ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 12 ชั่วโมง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ณ กรุงลิมา ประเทศเปรู ร่วมกับผู้นำจาก 21 เขตเศรษฐกิจเอเปค
ทั้งนี้ นางสาว แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมกับ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีกำหนดร่วมหารือทวิภาคีกับนาง ดินา เอร์ซิเลีย โบลัวร์เต เซการ์รา ประธานาธิบดีเปรู ในเวลาประมาณ 10.00-10.30 น.
ขณะเดียวกันในวันนี้ นายพิชัย และนายมาริษจะเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปค (APEC Ministerial Meeting หรือ AMM) ซึ่งเป็นการประชุมร่วมกันระหว่างรัฐมนตรีด้านการค้ากับรัฐมนตรีด้านการต่างประเทศของสมาชิกเอเปค 21 เขตเศรษฐกิจ เพื่อทบทวนการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา และร่วมเสนอข้อคิดเห็นต่อแนวทางการดำเนินงานในปีต่อไป ในที่ประชุมสุดยอดผู้นำฯในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567
นอกจากนี้ ในเวลา 11.00 - 11.45 น. นายพิชัย จะร่วมหารือทวิภาคีกับชิลี, 11.45–12.15 น. จะหารือทวิภาคีกับญี่ปุ่น ,เวลา 12.30 - 13.00 น. จะหารือทวิภาคีกับสหรัฐ และ14.30-14.45 น. จะหารือทวิภาคีกับออสเตรเลีย เพื่อหาแนวทางในการขยายการค้าการลงทุนทั้งฝ่ายต่อไป
สำหรับการประชุมเอเปค ที่เปรูครั้งนี้ได้กำหนดหัวข้อหลักในการเป็นเจ้าภาพเอเปคปีนี้ คือ เสริมสร้าง.ครอบคลุม.เติบโต (EMPOWER.INCLUDE.GROW.) โดยเน้นย้ำมิติทางสังคมสำหรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การเร่งส่งเสริมกลุ่มที่เปราะบาง และการใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล
นอกจากนี้ เปรูยังกำหนดประเด็นสำคัญที่จะขับเคลื่อนในปีนี้ คือการค้าและการลงทุนสำหรับการเจริญเติบโตที่ครอบคลุมและเชื่อมโยงกัน และนวัตกรรมและดิจิทัล เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจในระบบและเศรษฐกิจโลก และการเติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อการพัฒนาที่ยืดหยุ่น
สำหรับเอเปคหรือกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ประกอบด้วยสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม - มิถุนายน) 2567 การค้าของไทยกับเอเปค มีมูลค่า 201,150 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 70.39% ของการค้ารวมของไทย โดยไทยส่งออกไปเอเปค มูลค่า 99,816.46 ล้านดอลลาร์ และไทยนำเข้าจากเอเปค มูลค่า 101,333.54 ล้านดอลลาร์
โดยปัจจุบันเอเปคสามารถสร้าง GDP ได้ถึง 62% ของโลก มูลค่าการตลาด 48% ของโลก หาก FTA เอเชียแปซิฟิก ผลักดันสำเร็จจะเกิดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก