ผลงาน 70 วัน กรมการค้าภายใน ลดค่าครองชีพ 15,000 ล้าน

13 ธ.ค. 2567 | 06:39 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ธ.ค. 2567 | 07:23 น.

อธิบดีกรมการค้าภายใน แถลงผลงานครบรอบ 70 วัน ลดค่าครองชีพกว่า 15,000 ล้านบาท เดินหน้าดูแลสินค้าเกษตร ค่าครองชีพประชาชนและต้นทุนของผู้ประกอบการ พร้อมปรับภาพลักษณ์การทำงานของกรม

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า แถลงผลงานครบรอบ 70 วัน ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ โดยประเด็นแรก คือ การกำกับดูแลสินค้าเกษตร ซึ่งได้ดำเนินการประชุมคณะกรรมการรายสินค้า ทั้งข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ปาล์ม และสินค้าเกษตรอื่นๆ เพื่อกำหนดกรอบนโยบาย แผนงานและมาตรการการบริหารจัดการ รวมทั้งให้การช่วยเหลือเกษตรกร สถาบันเกษตรกร อาทิ การพัฒนาคุณภาพ ลดต้นทุนสามารถลดค่ารองชีพให้ประชาชนกว่า 15,000 ล้านบาท

 

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน

  • การดูแลข้าว ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การซื้อขายข้าวและหารือรับฟังปัญหาจากเกษตรกรในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาด จึงนำมาสู่การดำเนินโครงการส่งเสริมศักยภาพการตลาดข้าวกลุ่มเกษตรกร พร้อมดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกโดยเก็บไว้ที่ยุ้งฉาง
  • มันสำปะหลัง ได้ประชุมหารือติดตามสถานการณ์การผลิตและการค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศ สมาคมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมันสำปะหลังอย่างต่อเนื่อง พร้อมดันมาตรการรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลัง ปี 2567/68 มาตรการกำกับดูแลการรับซื้อ การขยายตลาดส่งออกมันเส้นและแป้งมัน
  • ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จะยึดมาตรการรับซื้อผลผลิตในประเทศให้หมดก่อน รวมถึงการใช้มันสำปะหลังและปลายข้าวทดแทนการนำเข้าข้าวสาลีจากต่างประเทศ และที่ผ่านมาได้มอบหมายสายตรวจพิเศษ ออกตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าและการขนย้ายสินค้าเกษตรผ่านแดนอย่างต่อเนื่องรวมถึงตรวจสอบการขออนุญาตขนย้ายสินค้าเกษตร เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า การลักลอบขนย้ายสินค้าเกษตรที่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรภายในประเทศ
  • ปาล์มน้ำมัน ได้มีการติดตามสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันเป็นประจำทุกวัน ทั้งผลผลิตและสกัด ทำเป็นน้ำมันปาล์มขวด รวมทั้งขอความร่วมมือชะลอการส่งออก การเข้าดูแลโมเดิร์นเทรดหรือห้างสรรพสินค้า ไม่ให้มีการปรับราคาจำหน่าย (สต๊อกเก่า) และผลักดันการใช้น้ำมันถั่วเหลือง สำหรับกลุ่มผู้ใช้ในครัวเรือนให้ใช้น้ำมันถั่วเหลืองสลับกับน้ำมันปาล์มในช่วงที่ผลผลิตออกมาน้อย

นอกจากนี้ได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 จัดการอบรมเจ้าหน้าที่กำกับดูแลผู้ประกอบการ ลานเทในพื้นที่ให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย นอกจากนี้ ได้เตรียมประสานนำน้ำมันปาล์มราคาประหยัดไปจำหน่าย เพื่อเป็นการช่วยเหลือผ่านกลไกของร้านธงฟ้า

ผลงาน 70 วัน กรมการค้าภายใน ลดค่าครองชีพ 15,000 ล้าน

  • สินค้าเกษตรที่กำลังจะมีผลผลิตออกกระจุกตัวในช่วง 1-3 เดือนนี้ คือ หอมแดง ได้ติดตามสถานการณ์และเตรียมแผนก่อนช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมากในช่วง ม.ค. - มี.ค. โดยเชื่อมโยงเจรจาซื้อขายผลผลิตล่วงหน้า ผ่านสัญญาข้อตกลงมาตรฐาน รวมทั้งรับซื้อและกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต

ทั้งนี้ นโยบายฟื้นฟูหลังอุทกภัยของรัฐบาล กรมฯ ได้จัดงานจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด “ธงฟ้าฟื้นฟูเศรษฐกิจ” ในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย และ “ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย” ใน 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี สงขลา และสตูล โดยจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าจำเป็นต่อการครองชีพ และนำสินค้าจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการ กลุ่มเกษตรกร ในพื้นที่จังหวัด กว่า 500-1,000 รายการ ลดสูงสุด 60% พร้อมจัดถุงยังชีพส่งลงพื้นที่น้ำท่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมทั้งประสานงานไปยังห้างค้าปลีกค้าส่งให้เตรียมสต๊อกสินค้า วัสดุก่อสร้าง สินค้าซ่อมแซมบ้าน สินค้าทำความสะอาดบ้านเรือน ให้มีจำหน่ายอย่างเพียงพอ ซึ่งสามารถลดค่ารองชีพให้ประชาชนกว่า 15,000 ล้านบาท

สำหรับ แผนการลดค่าครองชีพประชาชนและต้นทุนของผู้ประกอบการ ที่จะดำเนินการในระยะต่อไป คือ “พาณิชย์ลดราคา New Year Maga Sale 2025” ลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มพิเศษทั่วประเทศข้ามปีในเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่ ธ.ค. 67-ม.ค. 68 รวม 46 วัน โดยระหว่างวันที่ 17-19 ธ.ค. 67 โดยจะมีเปิดตัวโครงการที่กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะมีร้านมาออกบูธกว่า 250 บูธ  ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดราว 4,800 ล้านบาท สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 14,400 ล้านบาท รวมถึงเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าและกระตุ้นกำลังซื้อให้ประชาชน

ประเด็นสุดท้าย การปรับภาพลักษณ์การทำงานของกรม โดยจะมีการ Rebranding ธงฟ้า / ส่งเสริมให้ผู้บริโภคฉลาดเลือก ฉลาดซื้อสินค้าที่เข้าร่วมกิจกรรม อีกทั้งยังจะยกระดับมาตรฐานงานชั่งตวงวัดให้เป็นสากล โดยพัฒนามาตรฐานของไทยให้ทัดเทียมกับประเทศต่าง ๆ อาทิ สหพันธรัฐเยอรมัน เกาหลี และญี่ปุ่น เพื่อเป็นต้นแบบให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านในการใช้มาตรฐานเดียวกันกับของไทยต่อไป ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่าย ลดขั้นตอน การตรวจบรรจุหีบห่อซ้ำ เมื่อสินค้าส่งผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากมีมาตรฐานเดียวกัน โดยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการด้านเทคนิคชั่งตวงวัดระหว่างไทย-ลาว เมื่อ 8 ต.ค. 67 สำหรับต่อไป จะยกระดับงานชั่งตวงวัดของไทย กับราชอาณาจักรกัมพูชา และฟิลิปปินส์ในลำดับถัดไป

นอกจากนี้ จะแต่งตั้งหน่วยตรวจ (Outsources) โดยให้ภาคเอกชนดำเนินการตรวจสอบให้คำรับรองแทนพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อลดระยะเวลาในการรอคิวตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ อีกทั้งได้มีการตั้งเป้าเก็บค่าธรรมเนียมหัวจ่ายปั้มน้ำมัน ปัจจุบันมีการเก็บค่าธรรมเนียม 250บาท/ 1 หัวจ่าย/ปี โดย 1 ปั้มมีประมาณ 20-25 หัวจ่ายต่อปั้ม  ที่ผ่านมากรมฯ จัดเก็บรายได้ส่วนนี้แค่ 25 ล้านบาทต่อปี แต่ปี 2568 ได้มีการตั้งเป้าไว้ประมาณ 100 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน มีการกำกับดูแลเครื่องชั่งตวงวัดมีความทั่วถึงและครอบคลุมมากขึ้น ปัจจุบันมีหน่วยตรวจที่ได้รับการแต่งตั้งแล้ว 5 บริษัท รวมทั้งจะขยายขอบเขตการกำกับดูแลเครื่องชั่งตวงวัด จากปัจจุบันที่มีการกำกับดูแลเครื่องชั่งตวงวัด 45 ชนิด ให้เพิ่มเติมอีก 6 ชนิด ประกอบด้วย มาตรวัดไฟฟ้า แท็กซี่มิเตอร์ EV Charger เครื่องวัดลมยางรถยนต์ เครื่องวัดความเร็วรถยนต์ และเครื่องวัดแอลกอฮอล์ในลมหายใจ

 

ผลงาน 70 วัน กรมการค้าภายใน ลดค่าครองชีพ 15,000 ล้าน

 

นอกจากนี้ จะยกระดับคือการปรับปรุงกฎหมายการค้าข้าว เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการรายเล็กที่จะสามารถช่วยนำพาเศรษฐกิจของไทยให้เข้มแข็ง พัฒนายั่งยืนมากขึ้น ดังนั้น กรมฯ จึงได้พิจารณาความเป็นไปได้ในการแก้ไขกฎหมายการค้าข้าว ให้มีการลดขั้นตอน/ภาระในการขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการค้าข้าวประเภทส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถเข้ามาเป็นผู้ส่งออกข้าวเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การทำงานของกรมการค้าภายใน ทำได้ ทำไว ทำจริง จึงต้องมีการยกระดับการทำงานร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ โดยใช้กลไกของ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในส่วนภูมิภาคและขับเคลื่อนงานในระดับพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป