และในวันนี้เป็นวันที่ "เจเนอเรชัน 3" เริ่มเข้ามาเสริมทัพ พร้อม ๆ กับสภาพการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป จึงถือเป็นโอกาสเหมาะของคนรุ่นใหม่อย่าง "เควิน สิงห์สัจจเทศ" ผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหาร บริษัท ยัสปาล จำกัด ที่เข้ามาช่วยเสริมให้ธุรกิจของครอบครัวแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
'เควิน' บอกว่า เข้ามาร่วมงานกับธุรกิจของครอบครัวได้กว่า 4 ปี สิ่งที่ได้เห็น คือ การแข่งขันในเทรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าที่ดุเดือดมากขึ้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว เพราะในฐานะผู้นำตลาดที่มีแบรนด์ในเครือถึง 16 แบรนด์ มีกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่หลากหลาย และมีช็อปรวมทั้งหมดกว่า 400 สาขา ทั้งในและต่างประเทศ ตรงนั้นถือเป็นจุดแข็งที่เขาสามารถนำมาผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้สภาพการแข่งขันในตลาดเปลี่ยนแปลงไป
"สิ่งที่เจนผมต้องหาวิธีแก้ คือ เราจะต่อสู้ต่อไปอย่างไรกับร้านค้าออนไลน์ ที่เขาไม่ต้องจ่ายตังค์หน้าร้าน ไม่ต้องไปจ่ายค่าพื้นที่ เมื่อก่อนสิ่งที่ยากของการขาย คือ ไม่มีร้าน แต่ตอนนี้ไม่ต้องมีร้านก็ขายของได้ และไม่มีต้นทุน แต่ขณะเดียวกัน การมีร้านมันก็ช่วย เราต้องหาวิธีที่ทำให้ร้านค้าและออนไลน์ของเรามาเอื้อกัน" นั่นคือ ภารกิจของคนหนุ่มเจเนอเรชันใหม่
'เควิน' จบการศึกษาด้านธุรกิจมาจากมหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก และเคยทำงานด้านการลงทุนในกองทุนมากกว่า 6 ปี เพราะฉะนั้นเขาจึงมีทั้งไอเดียและความสามารถในการบริหารธุรกิจควบคู่กับการลงทุนในธุรกิจที่น่าสนใจ เมื่อมีโอกาส เขาจึงคุยกับครอบครัว ว่า ถ้ามีธุรกิจอะไรที่น่าสนใจนอกเหนือจากเสื้อผ้า หรืออะไรที่สามารถมาเอื้อกับธุรกิจของยัสปาลที่ทำอยู่ปัจจุบันได้ ก็ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจ ดังนั้น เขาจึงได้รับมอบหมายจากครอบครัวอีกหนึ่งหน้าที่ คือ การค้นหาธุรกิจที่น่าลงทุน เช่น การร่วมงานกับสตาร์ตอัพ อีเวนต์ บานาน่า นำแพลตฟอร์มทางอี-คอมเมิร์ซมาเชื่อมต่อเข้ากับธุรกิจ เพื่อสร้างศักยภาพในการดำเนินงานให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
สิ่งที่คนหนุ่มคนนี้มอง คือ การเป็นผู้นำธุรกิจต้องมีความกล้าและพร้อมที่จะเดินหน้า ทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ สิ่งที่เขาได้ยินมาจากหลายองค์กร คือ ระบบเทคโนโลยีกับอินฟราสตรัคเจอร์ในเมืองไทยยังไม่พร้อมที่ทำให้สามารถทำอะไรที่นอกกรอบ หรือ แตกต่างไปจากเดิมได้มากนัก แต่สำหรับผู้ชายคนนี้ เขามองว่า ... นั่นคือ โอกาส ในฐานะของมาร์เก็ตลีดเดอร์ เราต้องไม่กลัวที่จะนำ เราไม่ต้องการไปดูใครเป็นตัวอย่าง แต่เราต้องการให้เขามาดูเรา ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำ คือ ลุยไปข้างหน้า เพราะอีก 5 ปี ไม่มีใครรู้ได้ว่าเทคโนโลยีมันจะเปลี่ยนเป็นอย่างไรอีก
"มันยากกว่าเดิม เมื่อก่อนมันเป็นฟอร์มูล่าอันเดิม ๆ มาเป็นสิบปี แต่ตอนนี้มันกลายเป็นการซื้อขายบนมือถือ ซึ่งมันมาได้ไม่กี่ปี ในขณะที่ อเมริกามีมาประมาณ 10 ปีแล้ว แต่บ้านเราซื้อขายออนไลน์มันยังแค่ 1-2% แต่นโยบาย 4.0 เขาต้องการผลักดันการซื้อขายออนไลน์ให้ขยับขึ้นมาเป็น 8-10%" และนั่นก็คือ เป้าหมายที่ 'เควิน' มองว่า เขาต้องเดินต่อไป
ปัจจุบัน แบรนด์ในเครือยัสปาลเริ่มลงตลาดออนไลน์ไปบ้างแล้ว และปีหน้าเขาจะบุกด้านอี-คอมเมิร์ซให้เต็มที่มากขึ้น และปีหน้าจะมีโปรเจ็กต์ใหม่เกิดขึ้นที่สยามเซ็นเตอร์ ซึ่งจะเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสาน Engage ลูกค้า ตั้งแต่การตกแต่งและการใช้บริการ ลูกค้าจะได้เห็นความแตกต่างที่ไม่สามารถสัมผัสได้จากออนไลน์ จะมีการดีไซน์ร้านที่แตกต่าง มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยระบบในร้าน ช่วยเรื่องประสิทธิภาพ (Efficiency) ไม่ว่าการจะเข้ามาในร้าน หรือ การเชื่อมต่อการซื้อขายกับออนไลน์
'เควิน' บอกอีกว่า ยัสปาลยังมีแผนขยายตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีเศรษฐกิจโดยรวมที่ดี มีกำลังซื้อที่ดีขึ้น ยัสปาลจะเป็นหนึ่งในบริษัทที่รุกเข้าไปก่อน ไปตั้งบริษัท อาทิ เวียดนาม ที่ยัสปาลเข้าไปแล้ว และกำลังคุยกับอินเดีย เริ่มเข้าไปจดบริษัทไว้ที่ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย โดยมีหน่วยงานด้านต่างประเทศที่กำลังรุกคืบขยายไปเรื่อย ๆ รวมทั้งการนำแบรนด์ซูเปอร์ดรายที่เขาบริหารอยู่ ขยายตลาดไปที่กัมพูชาและเวียดนาม และนี่คือ เส้นทางที่ยัสปาลกำลังก้าวเดินไป
อนาคต สิ่งที่มีในมือทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น แพลตฟอร์มร้านค้า อี-คอมเมิร์ซ เทคโนโลยี ทุก ๆ อย่างสามารถเชื่อมต่อกันได้หมด หน้าที่ของผู้บริหารรุ่นใหม่คนนี้ ก็คือ การทำหน้าที่เชื่อมต่อและทำให้ทุกอย่างสร้างประสิทธิภาพทางการตลาดและการทำธุรกิจให้ได้ดีที่สุด
หน้า 26-27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,420 ระหว่างวันที่ 22-24 พฤศจิกายน 2561