net-zero

คาร์บอนเครดิตคึก 9 เดือน ซื้อขาย 80 ล้านบาท ตลาดมีเหลืออีก 17 ล้านตัน

    ตลาดคาร์บอนเครดิตยังคึกคัก 9 เดือนปีงบประมาณ 2567 ปริมาณซื้อขายพุ่ง 6 แสนตัน มูลค่า 80 ล้านบาท ภาคป่าไม้ทำราคาเฉลี่ยดีสุดที่ 509 บาทต่อตัน อบก.เผย ยังมีปริมาณคาร์บอนเครดิตอยู่ในตลาดรวม 17 ล้านตัน

องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) หรือ อบก.ได้รายงานถึงสถานการณ์ตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจของประเทศไทยจากโครงการ T-VER ในรอบ 9 เดือนปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566-มิถุนายน 2567) ว่า มีปริมาณการซื้อขาย 607,307 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) มีมูลค่าการซื้อขาย 80.18 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 132.03 บาทต่อตัน โดยประเภทการซื้อขายส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มชีวมวล ปริมาณซื้อขาย 272,671ตัน มูลค่า 16.25 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยที่ 59.60 บาทต่อตัน

รองลงมาเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ ปริมาณซื้อขาย 137,743 ตันคาร์บอนไดอกไซด์เทียบเท่า มูลค่า 6.88 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 50 บาทต่อตัน ป่าไม้ ปริมาณการซื้อขาย 100,418 ตัน มูลค่า 51.20 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยที่ 509.97 บาทต่อตัน และการจัดการน้ำเสียอุตสาหกรรม ปริมาณการซื้อขาย 85,500 ตัน มูลค่า 4.37 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยที่ 51.17 บาทต่อตัน เป็นต้น

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน มีปริมาณการซื้อขายสะสมทั้งหมดอยู่ที่ 3,411,089 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 298.65 ล้านบาท

ขณะที่ปริมาณการซื้อขาย ผ่าน Exchange Platform FTIX ช่วง 9 เดือนปีงบประมาณ 2567 ปริมาณการซื้อขาย 1,798 ตัน มูลค่าการซื้อขาย 110,304 บาท ราคาเฉลี่ย 61.35 บาทต่อตัน ซึ่งตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา มีปริมาณการซื้อขายสะสมทั้งหมด 13,665 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า มูลค่าการซื้อขาย 727,204บาท

อย่างไรก็ตาม การซื้อขายคาร์บอนเครดิต หากเปรียบเทียบปีงบประมาณ 2567 (9 เดือน) กับปีงบประมาณ 2565-2566 พบว่า ปริมาณการซื้อขายอยู่ในระดับที่ดีขึ้น โดยปีงบประมาณ 2565 อยู่ที่ 1.18 ล้านตัน มีมูลค่า 128.48 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ย 108.22 บาทต่อตัน ปีงบประมาณ 2566 ปริมาณซื้อขายอยู่ที่ 845,235 ตัน มีมูลค่า 67.70 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ย 80.10 บาทต่อตัน

คาร์บอนเครดิตคึก 9 เดือน ซื้อขาย 80 ล้านบาท ตลาดมีเหลืออีก 17 ล้านตัน

รายงานระบุอีกว่า ส่วนการขึ้นทะเบียนและรับรองคาร์บอนเครดิตจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจก นับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2557 มีจำนวน 414 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นโครงการประเภทพลังงานหมุนเวียน 199 โครงการ คิดเป็นปริมาณคาร์บอนเครดิต 10.566 ล้านตัน รองลงมาเป็นโครงการประเภทการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและการผลิตความร้อน 18 โครงการ คิดเป็นปริมาณคาร์บอนเครดิต 2.33 ล้านตัน

ประเภทการจัดการขยะมูลฝอย 14 โครงการ คิดเป็นปริมาณคาร์บอนเครดิต 1.87 ล้านตัน การจัดการน้ำเสียอุตสาหกรรม 19 โครงการ คิดเป็นปริมาณคาร์บอนเครดิต 1.61 ล้านตัน การนำก๊าซมีเทนกลับมาใช้ใหม่ 12 โครงการ คิดเป็นปริมาณคาร์บอนเครดิต 1.19 ล้านตัน การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร โรงงานและครัวเรือน 62 โครงการ คิดเป็นปริมาณคาร์บอนเครดิต 370,782 ตัน และการลด ดูดซับ และกักเก็บก๊าซเรือนกระจกจากภาคป่าไม้และเกษตร 70 โครงการ คิดเป็นปริมาณคาร์บอนเครดิต 138,158 ตัน เป็นต้น

ขณะที่โครงการได้รับการรับรองคาร์บอนเครดิตแล้วมีจำนวน 168 โครงการ คิดเป็นปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรอง 19.11 ล้านตัน มีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ถูกชดเชย 1.75 ล้านตัน และมีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่อยู่ในตลาด 17.36 ล้านตัน และมีโครงการที่อยู่ระหว่างรอการรับรองคาร์บอนเครดิต จำนวน 246 โครงการ และสิ้นสุดโครงการ 52 โครงการ

สำหรับการขอขึ้นทะเบียนขอรับรองคาร์บอนเครดิตจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกในช่วงปีงบประมาณ 2567 มีจำนวน 62 โครงการ คิดเป็นปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลด/กักเก็บได้ 1,443,197ตัน ส่วนใหญ่ เป็นประเภทการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน คิดเป็นปริมาณ 518,203 ตัน รองลงมาเป็นประเภท ป่าไม้และพื้นที่สีเขียว ปริมาณ 324,864 ตัน ประเภทการจัดการขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล และวัสดุเหลือใช้ ปริมาณ 217,717 ตัน การเกษตร ปริมาณ 188,660 ตัน พลังงานทดแทนจากการจัดการของเสีย ปริมาณ 100,632 ตัน และการพัฒนาพลังงานทดแทน ปริมาณ 93,121 ตัน เป็นต้น

ขณะที่มีโครงการที่ได้รับการรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด 30 โครงการ คิดเป็นปริมาณ 2,575,599 ตัน ส่วนใหญ่เป็นประเภทการพัฒนาพลังงานทดแทน คิดเป็นปริมาณ 1,567,692 ตัน รองลงมาเป็นป่าไม้และพื้นที่สีเขียว 421,036 ตัน การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน ปริมาณ 294,905 ตัน การจัดการขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล และวัสดุเหลือใช้ คิดเป็นปริมาณ 228,283 ตัน พลังงานทดแทนจากการจัดการของเสีย คิดเป็นปริมาณ 49,233 ตัน และการเกษตร คิดเป็นปริมาณ 14,450 เป็นต้น