net-zero

เปิดแผน "PDP 2024" ตอบโจทย์ลดคาร์บอน มุ่งเป้า "Net Zero" ปี 2608

    เปิดแผน "PDP 2024" ตอบโจทย์ลดคาร์บอน มุ่งเป้า "Net Zero" ปี 2608 เดินหน้าผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นและเร็วขึ้น ระบุก๊าซธรรมชาติยังคงเป็นเชื้อเพลิงหลักเช่นเดียวกับแนวทางในต่างประเทศ

นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (PDP 2024) ว่า ล่าสุดอยู่ระหว่างการจัดทำแผนโดยขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้รับฟังความคิดเห็นต่อแผนพีดีพีจากภาครัฐ และภาคเอกชน ในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจพลังงาน

โดยในระยะต่อไปจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนก่อนที่จะนำความเห็นทั้งหมดมาพิจารณาปรับปรุงเป็นแผนพีดีพี 2024 ฉบับสมบูรณ์ และเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาต่อไป

สำหรับการจัดทำแผนพีดีพี 2024 นั้น นอกจากตอบโจทย์เรื่องความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศแล้ว ยังมุ่งเน้นตอบโจทย์ในเรื่องการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และลดก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นไปตามทิศทางของโลกที่สนับสนุน การใช้พลังงานสะอาด ตามที่ประเทศไทยได้ประกาศเป้าหมายการลดคาร์บอนในระหว่างการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26) 
 

ซึ่งมีเป้าหมายในการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608 รวมทั้งพิจารณาถึงเป้าหมาย 40% ของแผนที่นำทางการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศปี 2564 – 2573 (Thailand’s Nationally Determined Contribution Roadmap on Mitigation 2021 – 2030 : NDC)

อย่างไรก็ดี แผน PDP 2024 ที่จะประกาศใช้จะกำหนดให้มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นและเร็วขึ้น เช่น เร่งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่จากเดิมที่กำหนดให้เข้าระบบรวม 24,000 เมกะวัตต์หลังปี 2573 ให้เร็วขึ้น เป็นให้มีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่เข้าระบบ 10,000 เมกะวัตต์แรกก่อนปี 2573 

ส่วนที่เหลืออีก 14,000 เมกะวัตต์จะเข้าระบบหลังปี 2573 เป็นต้นไป เพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ โดยนอกจากสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นยังช่วยให้ค่าไฟฟ้าของไทยมีราคาคงที่ไม่ผันผวน เนื่องจากไม่มีปัจจัยความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงตามตลาดโลก การเพิ่มขึ้นของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสดงอาทิตย์จึงไม่ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าในอนาคต 
 

นอกจากการพิจารณาปัจจัยเรื่องของการใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น แผน PDP 2024 จะต้องพิจารณาถึงปัจจัยสำคัญอื่นๆได้แก่ โอกาสการเกิดไฟฟ้าดับ โดยพิจารณาจากเกณฑ์แอลโอแอลอี โดยมีมาตรฐานว่าไฟฟ้าจะดับได้ไม่เกิน 0.7 วันต่อปี หมายความว่าแม้จะส่งเสริมให้มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น แต่กระทรวงพลังงานก็ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องของเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าด้วย โดยการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติยังถือว่าป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าของประเทศ

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า กระทรวงพลังงานคาดการณ์ว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ ที่ใช้แหล่งเชื้อเพลิงภายในประเทศจะกลับมาเป็นปกติ หลังจากแหล่งก๊าซเอราวัณสามารถเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติจนกลับมาอยู่ที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันได้ ซึ่งจะช่วยทำให้ค่าไฟฟ้าในประเทศคงที่ ไม่ผันผวนไปตามราคาต้นทุนเชื้อเพลิงที่มาจากการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีจำนวนมากเหมือนที่ผ่านมา

“แผน PDP 2024 แม้จะมุ่งเน้นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น แต่ก๊าซธรรมชาติยังคงเป็นเชื้อเพลิงหลัก ในการผลิตไฟฟ้าเนื่องจากในช่วงที่พลังงานหมุนเวียนต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เนื่องจากธรรมชาติไม่เอื้ออำนวย เชื้อเพลิงที่ดีที่สุดก็ยังคงเป็นเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติที่สร้างความมั่นคงให้ระบบไฟฟ้า ซึ่งในต่างประเทศก็ใช้แนวทางนี้เช่นกันเพราะมันเป็นการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจากฟอสซิลไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนเต็มที่ ซึ่งจำเป็นต้องมีการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าทั้งจากก๊าซธรรมชาติและการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงหมุนเวียนไปควบคู่กันไป”