“ประเสริฐ” ปลุกคน GEN S เดินหน้าประเทศไทย สู่สังคมคาร์บอนต่ำ
“ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รองนายกฯ- รมต.ดีอี ปลุกคน GEN S เดินหน้าประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ดันเป้าหมาย Net Zero ลุยจับมือภาคเอกชน ประชาชน ดันแนวคิด ‘ยั่งยืนไม่ยาก’ พร้อมให้คำมั่นรัฐบาลจะลุยแก้วิกฤตสิ่งแวดล้อมของประเทศ
ในงาน “GC Sustainable Living Symposium 2024 : GEN S GATHERING” ภายใต้แนวคิด “ยั่งยืนไม่ยาก” จัดโดยบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC วันที่ 18 ตุลาคม 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวปาฐกถาพิเศษ ใจความสำคัญระบุว่า ขอชื่นชม GC ที่ได้จัดงานครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการสร้างความยั่งยืนที่ทำได้ไม่ยาก และถือเป็นหน้าที่ของทุกคน
วันนี้โลกเปลี่ยนไป และได้มีการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เข้าสู่ยุคโลกเดือด ซึ่งภาคธุรกิจ ภาครัฐจะต้องเข้ามามีส่วนในการสนับสนุนกิจกรรมตรงนี้ และต้องร่วมมือกัน
“ในช่วงที่ผมมารับตำแหน่งใหม่ ๆ และมีโอกาสได้ดูแลงานที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้ทั้งหมด ได้มีโอกาสไปในหลายเวที ซึ่งทุกเวทีจะมีคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องประชาชน บริษัท ภาครัฐ ภาคเอกชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าวันนี้พวกเราได้ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้”
วันนี้มีความประทับใจที่ได้เห็นคน GEN S (Generation Sustainability) ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มคนที่หลากหลาย ในทุกอายุ ทุกกลุ่ม ทุกอาชีพได้มาอยู่รวมกัน ได้เห็นเด็กนักเรียน เยาวชน หรือผู้ใหญ่ และภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีอย่างยิ่ง ซึ่งเราต้องสร้างให้เกิดความยั่งยืนให้ได้
สำหรับภาครัฐบาล ได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาเรื่องโลกร้อน และได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองก็ได้ให้นโยบายในเรื่องนี้ จากที่รัฐบาลได้เดินทางไปดูสถานที่จริง ที่ อ.แม่สาย จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ มีดินโคลนถล่ม และดินโคลนที่ไหลมากับน้ำ มีความหนาและความสูงเกือบหนึ่งชั้นของบ้าน ซึ่งดินโคลนเหล่านี้เกิดจากฝนตกต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 3 วัน และไหลชะล้างผิวดินจากเชิงเขาสู่ชุมชน และเขตเทศบาล เห็นได้ชัดเจนที่ อ.แม่สาย
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย แต่วันนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งภัยธรรมชาติมีอยู่สองลักษณะ คือภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติตามปกติ ตรงนี้ต้องหาวิธีรับมือ และอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญคือ ภัยธรรมชาติที่เกิดจากมนุษย์สร้างขึ้น ตรงนี้มองว่าเราสามารถควบคุมและแก้ไขปัญหาได้
วันนี้เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ประชาชนทุกภาคส่วนจะได้ตระหนักถึงปัญหาและความเสียหายทั้งทางด้านชีวิตความเป็นอยู่ และทรัพย์สิน โดยเหตุการณ์ที่เชียงรายสร้างความเสียหายหลายพันล้านบาท กระทบต่อภาคการท่องเที่ยว และที่สำคัญ ได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน ที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูเป็นเดือนสองเดือน
“ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงดีอี ขอให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะเดินหน้าร่วมกับทุกภาคส่วนในการแก้วิกฤตสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ส่วนหนึ่งเรามีนโยบายและแผนพลังงานของชาติ เพื่อนำสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)ให้ได้ ภายในปี ค.ศ. 2065 ซึ่งอาจจะใช้เวลานานหน่อย แต่ถือเป็นความตั้งใจและจะนำสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ การใช้กลไกในเรื่องคาร์บอน มากำหนดมาตรฐานทางภาษี ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและการดำเนินธุรกิจทั่วโลก การกำหนดนโยบายและกลไกด้านภาษีในเรื่องคาร์บอนก็ดี ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำของประเทศไทยมีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อน
รัฐบาลเองพร้อมในการที่จะสนับสนุนภาคเอกชนในการใช้พลังงานหมุนเวียน หรือพลังงานสะอาดหรือเทคโนโลยีที่มีความสะอาด การสร้างความสมดุลในระบบนิเวศในมิติต่าง ๆ รวมทั้งให้การสนับสนุนเรื่องกองทุน ESG ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้น ซึ่งจะช่วยภาคธุรกิจในการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม สร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ และที่สำคัญจะช่วยสร้างความแกร่งแกร่งให้กับแบรนด์ของภาคธุรกิจ จากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
นอกจากการขับเคลื่อนร่วมกับภาคเอกชนแล้ว ในด้านกรอบด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ การดูแลสิ่งแวดล้อมให้มีความเข้มแข็งและมีความเป็นสากล เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะวันนี้ธุรกิจต่างประเทศที่มาลงทุนในประเทศไทย จุดที่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของประเทศต่างชาติจะไปลงทุนคือ มีความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมที่ไปลงทุน และมีโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยั่งยืน และมีพลังงานที่สะอาด
รัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมและสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคอุตสาหกรรม โดยสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยั่งยืน ที่ช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ในเรื่องการเข้าถึงบริการพลังงานที่มีความสะอาด ในราคาที่เหมาะสม
“วันนี้ขอเชิญชวนคน GEN S (Generation Sustainability) ได้ร่วมมือกันสร้างอนาคตที่มีความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของคนไทย และประเทศไทยของเรา ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย เพื่อปกป้องประเทศไทยและโลกใบนี้ไปพร้อมกัน นำสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กับพวกเราและลูกหลานของพวกเราทุกคน” นายประเสริฐ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง