ในปี 2023 โลกเผชิญกับวิกฤตการณ์พลังงานและสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น เมื่อการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตามรายงานการทบทวนสถิติพลังงานโลกฉบับล่าสุด
ตามรายงานการทบทวนสถิติพลังงานโลก ความต้องการพลังงานปฐมภูมิทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อนหน้า แตะระดับ 620 เอ็กซาจูลส์ (EJ) ส่งผลให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทะลุ 40 กิกะตันเป็นครั้งแรก นับเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งชี้ว่าโลกกำลังมุ่งหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงยิ่งขึ้นและกำลังถอยออกห่างจากเป้าหมายการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส
"น้ำมัน" ยังคงเป็นแหล่งพลังงานหลัก โดยปริมาณการใช้ทะลุเกิน 100 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นครั้งแรก เพิ่มขึ้น 2% จากปี 2022 สหรัฐอเมริกานำหน้าในการผลิต โดยเพิ่มขึ้น 9% ขณะที่จีนแซงหน้าสหรัฐฯ ในฐานะประเทศที่มีกำลังการกลั่นใหญ่ที่สุดในโลก
แม้ว่าพลังงานหมุนเวียนจะมีบทบาทมากขึ้น แต่เชื้อเพลิงฟอสซิลยังคงครองส่วนแบ่งถึง 81.5% ของพลังงานผสมโดยรวม ลดลงเพียง 0.5% จากปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
ไฮไลท์สำคัญจากรายงานการทบทวนสถิติพลังงานโลกปี 2023
1. การบริโภคพลังงาน
2. น้ำมัน
3. ก๊าซธรรมชาติ
4. ถ่านหิน
5. พลังงานหมุนเวียน
6. การปล่อยมลพิษ
จีนกลายเป็นผู้นำในหลายด้าน ทั้งแซงหน้าสหรัฐฯ ในด้านกำลังการกลั่นน้ำมัน และเป็นผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดของโลก แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของประเทศนี้ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานโลก
อย่างไรก็ตาม ยังมีความหวังอยู่บ้าง โดยเฉพาะในยุโรปที่ส่วนแบ่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลลดลงต่ำกว่า 70% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม และสหรัฐฯ ที่การใช้ถ่านหินลดลงถึง 17% ในปีเดียว
แม้จะมีความก้าวหน้าในบางพื้นที่ แต่ภาพรวมยังคงน่าเป็นห่วง การเพิ่มขึ้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่องเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการดำเนินการเพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่รุนแรงที่สุดของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
อ้างอิง:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง