new-energy

ไทยออยล์ เร่งศึกษา SAF ใช้เอทานอลเป็นวัตถุดิบ ช่วยต่อยอดธุรกิจ ลดความเสี่ยง

    ไทยออยล์ เร่งศึกษาเทคโนโลยี ATJ ผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หวังต่อยอดใช้เอทานอลที่ล้นตลาดในอนาคตใช้เป็นวัตถุดิบ แทนนํ้ามันปรุงอาหารใช้แล้วที่ขาดแคลน คาดศึกษาเสร็จรับนโยบายรัฐปี 2576 ผสมสัดส่วน 3%

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ได้กำหนดเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 15% ในปี 2578 จากปีฐาน 2569 (Interim Target) ก้าวไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และมุ่งไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emission) ภายในปี 2603 ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของกลุ่มบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และของประเทศ

หนึ่งในการขับเคลื่อนเพื่อให้ไทยออยล์บรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ ทางคณะกรรมการบริษัทได้เห็นชอบกับผลการศึกษาของแนวทางการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ปี 2569- 2603 (Net Zero GHG Emissions Pathway)

พร้อมทั้งพิจารณางบประมาณและแนวทางการลงทุนในเทคโนโลยีคาร์บอนตํ่า เช่น การศึกษาการติดตั้งเทคโนโลยีดักจับคาร์บอน (Carbon Capture) ในหน่วยผลิต การศึกษาธุรกิจไฮโดรเจนสีฟ้าและเขียว (Blue and Green Hydrogen) เป็นพลังงานทางเลือก การผลิตนํ้ามันอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) เป็นต้น

ทั้งนี้ กลุ่มไทยออยล์มีกลยุทธ์การลงทุน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นแก่พอร์ตการลงทุนของกลุ่มให้สอดคล้องกับแนวโน้มอุตสาหกรรมและการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้พลังงานในอนาคตผ่าน 2 แนวทาง ได้แก่ 1.แนวทางการร่วมทุน (Joint Venture : JV) และการควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions : M&A) ในกลุ่มธุรกิจชีวภาพ (Bio Business) และธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานรูปแบบใหม่ (New Energy)

ปัจจุบันดำเนินการศึกษาโอกาสในการลงทุนผลิตนํ้ามันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพ (Biojet/SAF) ด้วยเทคโนโลยี Hydroprocessed Esters and Fatty Acid (HEFA) ควบคู่ไปกับเทคโนโลยี Alcohol to Jet (ATJ) ผ่านความร่วมมือกับกลุ่ม ปตท. และพันธมิตรทางธุรกิจ

ไทยออยล์ เร่งศึกษา SAF ใช้เอทานอลเป็นวัตถุดิบ ช่วยต่อยอดธุรกิจ ลดความเสี่ยง

2.แนวทางการลงทุนแบบ Corporate Venture Capital (CVC) ผ่านบริษัท ท็อป เวนเจอร์ส จำกัด ภายใต้กรอบการลงทุนในธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่ เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Technology) เทคโนโลยีเปลี่ยนผ่านธุรกิจปิโตรเลียม และเทคโนโลยีที่สนับสนุนการลดการใช้น้ำมัน (Hydrocarbon Disruption Technology) และเทคโนโลยีสนับสนุนอุตสาหกรรม และการผลิต (Manufacturing Technology)

นายบัณทิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP กล่าวว่า สำหรับการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเทคโนโลยี Alcohol to Jet (AtJ ) ซึ่งใช้เอทานอลเป็นวัตถุดิบ เนื่องจากมองว่า ปัจจุบันการใช้นํ้ามันปรุงอาหารใช้แล้วภายในประเทศมีอย่างจำกัดไม่เพียงพอต่อความต้องการ ประกอบกับการใช้เอทานอลเป็นวัตถุดิบยังสามารถต่อยอดจากธุรกิจเอทานอลที่กลุ่มไทยออยล์มีโรงงานอยู่แล้ว

อีกทั้ง ในช่วง 2 ปีข้างหน้าตามระเบียบของ พ.ร.บ.กองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง จะยกเลิกการอุดหนุนราคานํ้ามันเชื้อเพลิงชีวภาพหรือแก๊สโซฮอล์ จะทำให้มีปริมาณเอทานอลที่ผลิตอยู่ล้นตลาดได้ เกิดการแข่งขันสูง หากกลุ่มไทยออยล์สามารถนำเทคโนโลยี AtJ มาผลิตเป็น SAFได้ ก็จะช่วยระบายเอทานอลของกลุ่มได้อีกทางหนึ่ง

ปัจจุบันการศึกษาเทคโนโลยี AtJ ได้ร่วมกับทางพันธมิตรสหรัฐอเมริกา ที่คาดว่าจะผลิตออกมารองรับกับมาตรการบังคับภายใต้องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ในการลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ภาคอากาศยานตั้งแต่ 1 มกราคม 2570 เป็นต้นไป

รวมถึงนโยบายของประเทศไทยในการส่งเสริมการใช้ SAF ตามร่างแผนบริหารจัดการนํ้ามัน เชื้อเพลิง พ.ศ. 2567-2580 (Oil Plan 2024) ที่ได้ตั้งเป้าหมายการ นำนํ้ามันปรุงอาหารใช้แล้ว (used cooking oil : UCO) นํ้ามันปาล์มดิบ โดยจะส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี Hydroprocessed Esters and Fatty Acids หรือเ HEFA ผสมในนํ้ามันเครื่องบินสัดส่วน 1% ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป และเพิ่มเป็น 2% ในปี 2571

หลังจากนั้น ปี 2573 จะได้ SAF จากเทคโนโลยี Alcohol to Jet หรือ AtJ ที่ผลิจากเอทานอลมาเสริมซึ่งจะช่วยให้สัดส่วนการผสม SAF เพิ่มขึ้นที่สัดส่วน 3% ในปี 2576 เพิ่มเป็น 5% และจะเพิ่มเป็น 8% ในปี 2579 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ตามร่าง Oil Plan 2024 คาดว่าการส่งเสริมการผลิตและการใช้เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) และนํ้ามันดีเซลชีวภาพสังเคาระห์ (BHD) จะใช้เงินลงทุนราว 56,775 ล้านบาท