sustainability

ดอยคำ เปิดเสวนาการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม ยกระดับธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืน

    ดอยคำ จัดเวทีเสวนา “มุมมองในการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม” ยกระดับสู่เวทีโลก ดึงเครือข่ายพันธมิตรแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืน

นายพิพัฒน์พงษศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด กล่าวว่า ดอยคำ จัดเสวนาเรื่อง “มุมมองในการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม” ยกระดับสู่เวทีโลก ภายใต้หัวข้อ “ดอยคำ 30 ปี กับการพัฒนาที่ยั่งยืน” พร้อมจัดแสดงนิทรรศการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) 17 ข้อ

ทั้งนี้ดอยคำได้นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินงาน โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีการนำหลักการ 27 ข้อของ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล มาเป็นแนวทางในการดำเนินงาน ซึ่งครอบคลุมทุกมิติของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ การลดความเหลื่อมล้ำ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

นายพิพัฒน์พงษศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นดอยคำได้สร้างผลงานที่เป็นรูปธรรมมากมาย เช่น การเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพและมาตรฐานสากล การสร้างแบรนด์ดอยคำให้เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน

 

"โลกของเรากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และพฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ดอยคำจึงต้องปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือที่เรียกว่า Research and Development (R&D) เพื่อให้ทันต่อความต้องการของตลาด

แนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของดอยคำ สอดคล้องกับปรัชญาขององค์กรที่มุ่งเน้นการ "ก้าวหนึ่งหน้าเสมอ" หรือ "One Step Ahead"  ซึ่งหมายถึงการที่ดอยคำต้องคอยสังเกตและทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคอยู่เสมอ เพื่อนำมาปรับใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจผู้บริโภคมากที่สุด เราต้องมองการณ์ไกลและคาดการณ์เทรนด์ในอนาคต เพื่อวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในระยะยาว"

4 หลักยึดมั่นเพื่อความยั่งยืนของดอยคำ

1.บุคลากร: ดอยคำให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อให้พนักงานมีความรู้ความสามารถที่ทันสมัย สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างรวดเร็ว และสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ดอยคำยังให้ความสำคัญกับสวัสดิการของพนักงาน เพื่อให้พนักงานมีความสุขในการทำงานและสามารถสร้างผลงานที่ดีได้อย่างเต็มที่

 

2.เกษตรกร: ดอยคำให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยการให้ความรู้ด้านการเกษตรที่ทันสมัย การสนับสนุนการรวมกลุ่มของเกษตรกร และการรับซื้อผลผลิตในราคาที่เป็นธรรม เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงและสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข

3.สิ่งแวดล้อม: ดอยคำให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการดำเนินงานผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และการจัดการขยะอย่างถูกวิธี เพื่อให้ลูกหลานได้มีสิ่งแวดล้อมที่ดีอาศัยอยู่

4.ผู้บริโภค: ดอยคำมุ่งมั่นที่จะผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ดอยคำยังให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริโภค โดยการสื่อสารข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต

นายปิยะชาติ อัครภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แบรนดิ แอนด์ คอมพานีส์ จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยมีการพัฒนาที่ยั่งยืนมีความล่าช้า แม้ว่าองค์กรต่างๆ จะตั้งเป้าหมายในการพัฒนาอย่างยั่งยืน แต่ความคืบหน้ากลับช้ากว่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับความรวดเร็วของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ

ประกอบกับความขัดแย้งระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและความยั่งยืน การมุ่งเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในระยะสั้น ทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมในระยะยาว เช่น ปัญหาภาวะโลกร้อน ความเหลื่อมล้ำทางสังคม และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง

อีกทั้งการขาดความสามัคคีและวิสัยทัศน์ร่วมกัน สังคมปัจจุบันขาดความสามัคคีในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น มีความเห็นต่างและความขัดแย้งในหลายประเด็น ทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างยากลำบาก 

นายปิยะชาติ อัครภักดี

นอกจากนี้การใช้ทรัพยากรเกินขีด ประเทศกำลังใช้ทรัพยากรธรรมชาติเกินกว่าที่โลกจะสามารถฟื้นฟูได้ ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมรุนแรง และส่งผลกระทบต่อคนรุ่นหลัง และที่เห็นได้ชัดคือการพึ่งพาหนี้สิน การใช้หนี้เพื่อสนองความต้องการในปัจจุบันในประเทศ ทำให้เกิดภาระหนี้สินที่สูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

จากปัญหาที่ได้กล่าวไปข้างต้นได้สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อนของระบบเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการใช้เทคโนโลยี การขยายธุรกิจ และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่ยั่งยืน ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งภาคธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยสามารถสรุปใจได้ 4 ประเด็นหลัก ได้แก่

  • ระบบเศรษฐกิจสร้างปัญหา: ระบบเศรษฐกิจปัจจุบันมุ่งเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่กลับสร้างปัญหาเชิงลึกมากขึ้น เช่น ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ปัญหาสิ่งแวดล้อม และความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ

ดอยคำ เปิดเสวนาการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม ยกระดับธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืน

  • เทคโนโลยีเป็นดาบสองคม: เทคโนโลยีช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แต่หากใช้ไม่ถูกวิธีก็อาจก่อให้เกิดปัญหา เช่น การว่างงาน การลดทอนคุณค่าของแรงงาน และความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ
  • การขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว: การขยายธุรกิจไปยังประเทศที่มีต้นทุนต่ำอาจช่วยเพิ่มผลกำไรในระยะสั้น แต่หากไม่คำนึงถึงปัจจัยด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ก็อาจเผชิญกับความเสี่ยงในระยะยาว
  • การเปลี่ยนแปลงวิธีคิด: ต้องเปลี่ยนจากการมองเงินเป็นเป้าหมายหลัก มาเป็นการมองเงินเป็นเครื่องมือในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

นายปิยะชาติ กล่าว่า ธุรกิจต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อความยั่งยืน โดยเฉพาะการนำเรื่อง "คน" เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการธุรกิจ นักธุรกิจมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการสร้างนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน และสนับสนุนองค์กรเพื่อสังคม นอกจากนี้การใช้แรงบันดาลใจจากในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นตัวอย่างในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

โดยความสำคัญของความยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วย 2 องค์ประกอบหลักคือ "sustain" (รักษาไว้) และ "ability" (ความสามารถ) นั่นคือ ธุรกิจต้องมีความสามารถในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ดอยคำ เปิดเสวนาการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม ยกระดับธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืน

ความสมดุลคือกุญแจสำคัญ การสร้างความสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจและการรักษาสิ่งแวดล้อม การเติบโตทางธุรกิจเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ แต่การเติบโตนั้นต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืนในระยะยาว

นายบรรยง พงษ์พานิช กรรมการและประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจที่ผสมผสานระหว่างการแสวงหาผลกำไรเชิงพาณิชย์และการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม

โดยยกตัวอย่างองค์กรธุรกิจเพื่อสังคมในประเทศไทย เช่น ดอยคำและมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ที่ก่อตั้งขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1970 และประสบความสำเร็จในการดำเนินงานมาจนถึงปัจจุบันธุรกิจเพื่อสังคมถือเป็นรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างจากองค์กรธุรกิจทั่วไปและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร โดยมีลักษณะเด่นดังนี้

  • ธุรกิจเพื่อสังคมมีเป้าหมายในการสร้างผลกำไร แต่ผลกำไรที่ได้จะถูกนำไปใช้ในการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายทางสังคมที่องค์กรกำหนดไว้ เช่น การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การสร้างงานให้ชุมชน หรือการพัฒนาสังคม
  • ธุรกิจเพื่อสังคมจะมีภารกิจที่ชัดเจนและวัดผลได้ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาสังคม หรือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน
  •  ธุรกิจเพื่อสังคมมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

นายบรรยง พงษ์พานิช 

ดอยคำและมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของธุรกิจเพื่อสังคมในประเทศไทย ทั้งสององค์กรก่อตั้งขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันและมีเป้าหมายในการพัฒนาชุมชนและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ โดยดอยคำมุ่งเน้นการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากชาและกาแฟออร์แกนิก ในขณะที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงมุ่งเน้นการส่งเสริมผลิตภัณฑ์หัตถกรรมของชาวเขา

นายบรรยง กล่าวทิ้งทายว่า ธุรกิจเพื่อสังคมที่ผสมผสานหลักการทางธุรกิจเข้ากับความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแข่งขันที่เป็นธรรมและการสร้างคุณค่าให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกร ซึ่งเป็นฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย