"ยูนิโคล่" ปรับกลยุทธ์มุ่งโมเดลธุรกิจแบบไร้ขยะ เน้นผลิตตามลูกค้าต้องการ

นายโคจิ ยาไน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส บริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของยูนิโคล่ เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจในระยะต่อไป (LifeWear = a New Industry ประจำปี 67) ว่า บริษัทได้ดำเนินการปรับกลยุทธ์ไปสู่การนำเสนอผลงานด้านความยั่งยืนของโครงการที่บริษัทฯ ได้จัดทำขึ้นตามวิสัยทัศน์ภายใต้โครงการอาริอาเกะ โดยเป็นโครงการปฏิรูปธุรกิจซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2560 เพื่อช่วยเดินหน้าสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน

สำหรับความคืบหน้าด้านเป้าหมายความยั่งยืนหลัก เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทฯ รวบรวมและวิเคราะห์ความคิดเห็นของลูกค้าผ่านกว่า 30 ล้านข้อคิดเห็นจากทั่วโลกต่อปี ส่งผลให้ได้รับข้อมูลเบื้องลึกที่ช่วยให้บริษัทฯ สามารถตอบสนองต่อความต้องการตลอดจนไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างเหมาะสม 

"จากการดำเนินการดังกล่าวบริษัทฯจึงสามารถผลิต ขนส่งและจัดจำหน่ายเฉพาะสิ่งที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง และส่งมอบตามเวลาที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นกระบวนการทางธุรกิจที่ช่วยป้องกันการก่อขยะที่ไม่จำเป็นได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
 

ทั้งนี้ บริษัทฯมีเป้าหมายที่จะผลิตและขายเฉพาะสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริง ๆ เท่านั้น ด้วยห่วงโซ่อุปทานที่ดูแลทั้งสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน 

นอกจากนี้ ยังจัดทำหลากหลายโครงการเพื่อดูแลสังคม เช่น โครงการเสื้อยืดการกุศล PEACE FOR ALL หรือ The Heart of LifeWear ซึ่งแจกเสื้อยืดผ้าพิเศษแบบ HEATTECH และ AIRism ให้กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้อพยพ เด็กและผู้ประสบภัยพิบัติไปแล้วกว่า 1 ล้านตัว 

สำหรับผลงาน หรือโครงการและกิจกรรมที่ฟาสต์ รีเทลลิ่งจัดทำขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายความยั่งยืนภายในปีงบประมาณ 2573 ประอบด้วย 

การพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์รวมถึงส่วนประสมของผลิตภัณฑ์ ตามความคิดเห็นจากลูกค้า โดยในปีงบประมาณ 2567 สามารถรวบรวมความคิดเห็นของลูกค้า (Voice of Customer) ได้ 31.4 ล้านข้อคิดเห็นจากทั่วโลก โดยนำข้อเสนอแนะที่ได้รับผ่านศูนย์บริการลูกค้ามาวิเคราะห์ร่วมกับความคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์ตามหน้าเพจร้านค้าออนไลน์และความคิดเห็นที่ลูกค้าแสดงต่อพนักงานประจำร้านโดยตรงจนได้รับข้อมูลเบื้องลึกที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ 
 

"บริษัทจึงสามารถลดหรือป้องกันการผลิตสิ่งที่ไม่จำเป็นได้ รวมถึงพัฒนาการดำเนินธุรกิจแบบที่เน้นผลิตเฉพาะสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุดเท่านั้น เนื่องจากฤดูร้อนมีระยะเวลายาวนานขึ้นและฤดูหนาวมีอุณหภูมิสูงขึ้นด้วยเช่นกัน บริษัทฯจึงขยายหมวดผลิตภัณฑ์หลักที่เหมาะสมสำหรับใช้งานตลอดปีเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น แทนที่จะเน้นผลิตสินค้าตามฤดูกาลแบบดั้งเดิม"  

จัดทำระบบผลิตและโลจิสติกส์ที่เน้นผลิต ขนส่งและขายเฉพาะสิ่งที่ลูกค้าต้องการตามเวลาที่เหมาะสมและปริมาณที่ตรงตามความต้องการที่สุด โดยระบบคาดการณ์ความต้องการที่อิงตามอัลกอริทึมช่วยให้การวางแผนจำหน่ายแม่นยำถูกต้องยิ่งขึ้น ระบบใหม่เน้นการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายผลิตเพื่อให้แผนผลิตปรับตามความต้องการได้รายสัปดาห์

การแจ้งให้โรงงานทราบแผนการผลิตหรือความคืบหน้าช่วยให้มีการสต็อกวัตถุดิบที่จำเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการผลิตแม้เวลาที่ได้รับแจ้งล่วงหน้าจะสั้นลง ในด้านโลจิสติกส์บริษัทมีการร่วมมือกับพันธมิตรด้านการขนส่งเพื่อขับเคลื่อนให้การจัดส่งไวขึ้น และประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติช่วยให้สามารถจัดส่งผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นให้ร้านค้าได้ตามปริมาณที่ต้องการ ถือเป็นการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานและการบริหารสินค้าคงคลังสู่ระดับสูงสุด
 
ในปีงบประมาณ 66 บริษัทฯสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ 69.4% ในส่วนที่ควบคุมได้โดยตรง เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2562 ถือเป็นความคืบหน้าสู่เป้าหมายที่บริษัทฯ ตั้งใจจะลดลงให้ได้ 90% ภายในปีงบประมาณ 73 

นอกจากนี้ การจัดซื้อเพื่อเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนของบริษัทฯ ยังเพิ่มขึ้นเป็น 67.6% ในปีงบประมาณ 66 จากเป้าหมาย 100% ภายในปีงบประมาณ 73 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่อุปทานลดลง 10% ในปีงบประมาณ 66 และมีแนวโน้มว่าจะลดลงในอัตราที่เร็วขึ้นตั้งแต่ปีงบประมาณ 67 เป็นต้นไปจากการเปลี่ยนอุปกรณ์ในโรงงานและการขยายการใช้งานวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
 
อย่างไรก็ดี บริษัทยังขยายเครือข่ายวัสดุยั่งยืน และการใช้งานวัสดุดังกล่าวสำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ รวมถึงคำนึงถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้น้ำ ความหลากหลายทางชีวภาพ สิทธิมนุษยชนและสวัสดิการสัตว์ในทุกกิจกรรมของบริษัทฯ 

ในปีงบประมาณ 2567 บริษัทฯ เริ่มจัดทำกรอบการดำเนินงานใหม่เพื่อกำหนดมาตรฐานสำหรับวัสดุแต่ละชนิดทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ โดยการจัดทำมาตรฐานสำหรับฝ้ายเสร็จสิ้นแล้ว และจะนำไปใช้ในการผลิตตั้งแต่ปีงบประมาณ 69 เป็นต้นไป อีกทั้ง บริษัทฯ ได้ให้ฝ้ายช่วยฟื้นฟูดินเป็นวัสดุเพื่อความยั่งยืนตั้งแต่ปีงบประมาณนี้เป็นต้นไป