sustainability

“กรมชลฯ” เร่งฟื้นฟูระบบนิเวศ หนุนเยาวชนปลูกป่า สร้างแหล่งน้ำ

    “กรมชลฯ” เร่งฟื้นฟูระบบนิเวศ หนุนเยาวชนปลูกป่า สร้างแหล่งน้ำ เดินหน้าเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ เพิ่มความสมบูรณ์ให้สิ่งแวดล้อม ปลุกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติ เผยมีการปลูกป่าทดแทนมากกว่า 20,000 ไร่

นายวิเชียร เหลืองอ่อน ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานฤบดินทรจินดา เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการฟื้นฟูระบบนิเวศโดยรอบอ่างเก็บน้ำและช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าไม้คืนความอุดมสมบูรณ์ให้แก่สิ่งแวดล้อม 

รวมถึงส่งเสริมให้นักเรียนและประชาชนในพื้นที่เกิดจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมปลูกป่า สร้างแหล่งน้ำ สมดุลระบบนิเวศ โดยให้นักเรียนโรงเรียนบ้านชงโคสันติสุขวิทยาคาร ผู้ปกครอง อาจารย์ และตัวแทนกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ปลูกต้นไม้บริเวณอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา ต.แก่งดินสอ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี 

โดยมีการแบ่งฐานกิจกรรมออกเป็น 3 รูปแบบ  ประกอบด้วย กิจกรรมช่วยกันปลูกต้นพะยูง และต้นยางนา จำนวน 300 ต้น ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 สาขาปราจีนบุรี ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกันกับกรมชลประทานในการอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 

“กรมชลฯ” เร่งฟื้นฟูระบบนิเวศ หนุนเยาวชนปลูกป่า สร้างแหล่งน้ำ

การบรรยายเกี่ยวกับเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งเป็นแนวทางหลักในการบริหารจัดการที่ดินและน้ำ เพื่อการเกษตรในที่ดินขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนในพื้นที่สามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม อันจะนำไปสู่การผลิตที่เกิดรายได้และการพัฒนาเกษตรที่ยั่งยืน

การบรรยายแปลงสาธิตปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ซึ่งเป็นการผสมผสานการอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติป่าไม้ ควบคู่ไปกับความต้องการทางเศรษฐกิจและสังคม ช่วยให้ประชาชนในพื้นที่ได้ตระหนักและเห็นคุณค่าจากการเพิ่มพื้นที่ป่าและใช้ประโยชน์จากป่าไม้ที่ปลูก อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลรักษาป่า ขณะเดียวกันการปลูกป่ายังเป็นการช่วยอนุรักษ์ดินและน้ำไปพร้อมกันอีกด้วย

นายวิเชียร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากรมชลประทานได้ส่งเสริมให้มีการปลูกป่าทดแทนมากกว่า 20,000 ไร่ เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศให้มีความอุดมสมบูรณ์ มีการสร้างฝายชะลอน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและชะลอความเร็วของน้ำ ทั้งแบบถาวร กึ่งถาวร และแบบผสมผสาน 

“กรมชลฯ” เร่งฟื้นฟูระบบนิเวศ หนุนเยาวชนปลูกป่า สร้างแหล่งน้ำ

นอกจากนี้ ยังให้ความร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช สนับสนุนการจัดตั้งหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแห่งใหม่ มีการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ เพื่อป้องกันการบุกรุกและเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันทรัพยากรธรรมชาติด้านป่าไม้และสัตว์ป่าในบริเวณพื้นที่อ่างเก็บน้ำฯ และอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ 

ทั้งนี้ จากการติดตามตรวจสอบผลกระทบด้านสัตว์ป่าในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่ามีสัตว์ป่าโดยเฉพาะช้างป่า กระทิง และสัตว์ที่สำคัญชนิดอื่นๆ รวมถึงสัตว์ป่าหายากอีกหลายชนิด ได้เข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าโดยรอบอ่างเก็บน้ำฯ มากขึ้น แสดงให้เห็นว่าแหล่งน้ำ แหล่งอาหารและป่าไม้มีความอุมสมบูรณ์เพิ่มมากขึ้น เป็นสิ่งที่สะท้อนความสำเร็จในการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ได้ดำเนินการพัฒนาโครงการควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบันโครงการอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ถือว่าเป็นหนึ่งในอ่างเก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดปราจีนบุรี สามารถขยายพื้นที่ชลประทานได้มากถึง 111,300 ไร่ คลอบคลุมพื้นที่ 37 หมู่บ้าน (5 หมู่บ้านในอำเภอนาดี และ 32 หมู่บ้านในอำเภอกบินทร์บุรี)

นางอัมพร พันเรือง เกษตรกรกลุ่มผู้ใช้น้ำ ม.3 บ้านวังอ้ายป่อง ต.แก่งดินสอ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ระบุว่า แต่ก่อนยังไม่มีอ่างเก็บน้ำฯ ส่วนใหญ่จะอาศัยน้ำธรรมชาติ ทำนา ปลูกมันสำปะหลัง ในช่วงฤดูฝน ถ้าฝนตกก็จะมีน้ำใช้ ถ้าฝนไม่ตกก็จะเข้าสู่ภาวะ แห้งแล้ง แต่หากฝนตกมากเกินไป น้ำก็จะท่วม ทำให้พืชผลทางการเกษตรเสียหาย แต่จากมีการสร้างอ่างเก็บน้ำฯ ช่วยสร้างประโยชน์หลายอย่าง ช่วงหน้าแล้ง ทางชลประทานก็จะปล่อยน้ำมาให้ใช้ ตามความต้องการ หากมีน้ำฝนมาก อ่างเก็บน้ำฯ ก็จะช่วยเก็บกักน้ำ ทำให้ไม่เกิดน้ำท่วม สามารถทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรกว่า 70% ได้ปรับเปลี่ยนมาทำสวนผลไม้ เช่น ทุเรียน กล้วย เงาะ ที่สำคัญยังช่วยสร้างอาชีพเสริมด้านการประมงอีกด้วย ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างมาก