กลุ่มพรีบิลท์ปักธงลุยธุรกิจอสังหาฯ ต่อยอดรับเหมาก่อสร้าง หวังรายได้ต่อเนื่อง เผยปี 62 ลงทุนเองทั้งแนวสูงและแนวราบรวมถึงร่วมลงทุน เตรียมงบซื้อที่ดิน 1,000 ล้านบาท
ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมากิจการรับเหมาก่อสร้าง รับผลพวงจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวประกอบกับต้นปี 2562 รัฐบาลจัดให้มีการเลือกตั้ง ถือเป็นปัจจัยบวกช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่น รวมทั้งหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายถึงบริษัทพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เตรียมแผนลงทุนโครงการใหม่ๆออกสู่ตลาดอีกมาก
กลุ่มพรีบิลท์ หนึ่งในบริษัทรับเหมาก่อสร้างอาคารสูงระดับชั้นนำของวงการ เล็งเห็นถึงโอกาสต่อยอดธุรกิจ จึงได้ขยายฐานมาสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยมีทั้งที่บริษัทลงทุนพัฒนาโครงการเอง 100% กับร่วมทุนบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงของไทยและต่างประเทศ
นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ธุรกิจก่อสร้างยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง พรีบิลท์ยังได้รับความไว้วางใจจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นพันธมิตรป้อนงานให้อย่างต่อเนื่อง ประมาณ 70% เป็นลูกค้าประจำ อาทิ อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ และเอสซี แอสเสท ฯลฯ ผลจากภาคเอกชนมีความเชื่อมั่น กล้าลงทุนมากขึ้น
ประการสำคัญ มีการประกาศบังคับใช้พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ส่งผลให้มีการซื้อ-ขายที่ดินเกิดขึ้นอีก เนื่องจากผู้ครอบครองที่ดินจำนวนมากจะมีการประกาศขายออกมาป้อนตลาด การหาซื้อที่ดินจะง่ายขึ้น กลุ่มพรีบิลท์เองได้ซื้อที่ดินเก็บไว้เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยวางงบดำเนินการปีละ 1,000 ล้านบาทต่อ 2-3 โครงการ พร้อมกับเตรียมไว้อีก 500 ล้านบาทเพื่อร่วมทุนกับรายอื่น ขณะนี้รายเก่าที่ร่วมทุนกันยังมีที่ดินป้อนให้กับพรีบิลท์อย่างต่อเนื่อง โดยแนวโน้มช่วง 1-2 ปีนี้พรีบิลท์จะมีการร่วมทุนมากขึ้น
“อย่างไรก็ตาม งานรับเหมาก่อสร้างยังเป็นแกนหลักทางธุรกิจของกลุ่มพรีบิลท์ และเชื่อว่างานก่อสร้างยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ผู้รับเหมาขยายงานยาก แต่บริษัทพัฒนาที่ดินขยายงานได้ ปัจจุบันพรีบิลท์จึงเข้มแข็งในการลงทุนและฐานะทางการเงินระดับต้นๆของประเทศ”
สำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พรีบิลท์ลงทุนเองมี 2 โครงการ คือ โครงการที่สุขุมวิท 26 และสุขุมวิท 24 มูลค่าโครงการรวมกว่า 3,000 ล้านบาท โดยโครงการ AMIE สุขุมวิท 26 รูปแบบคอนโดฯโลว์ไรส์ มูลค่าโครงการ 722 ล้านบาท รับรู้รายได้ปี 2563 จำนวน 433 ล้านบาทและต่อเนื่องกันไป อยู่ระหว่างการขอรับรองผลการศึกษาด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) เช่นเดียวกับโครงการ เดอะอะลามิส สุขุมวิท 24 อยู่ระหว่างการออกแบบ ขนาดอาคารสูง 40 ชั้น มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท อีก 2 ปีถึงจะรับรู้รายได้เข้ามา 1,012 ล้านบาท ปลายปีนี้คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้
โครงการต่อมาเป็นโครงการบ้านเดี่ยวขนาด 100 ตารางวาที่โซน บางแวก พุทธมณฑลสาย 2 มูลค่าโครงการ 1,087 ล้านบาท มีแผนเปิดตัวภายในปีนี้ ราคาเริ่มต้นกว่า 11-15 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน ประกอบไปด้วยบ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม รวม 4 โครงการมูลค่าโครงการละประมาณ 1,000 ล้านบาท
ส่วนกลุ่มโฮลดิ้งที่ร่วมลงทุนกับพันธมิตรนั้นมีโครงการ “ควินโต้” พรีบิลท์ รูปแบบคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์มูลค่าโครงการ 1,428 ล้านบาท ปัจจุบันก่อสร้างเกือบแล้วเสร็จ ขณะนี้มีรับรู้รายได้แล้วกว่า 90% นอกจากนั้นยังมีทาวน์โฮมที่พรีบิลท์ถือหุ้น 40% มูลค่าโครงการ 586 ล้านบาทรับรู้รายได้ปีหน้า เช่นเดียวกับทาวน์ อิน ทาวน์ พรีบิลท์ถือหุ้น 49% มูลค่าโครงการ 750 ล้านบาท รับรู้รายได้ในอีก 2 ปีจำนวน 750 ล้านบาท อีกทั้งยังมีโครงการ REN 39 คอนโดมิเนียม ที่ร่วมทุนกับกลุ่มชินวะจากญี่ปุ่น พรีบิลท์ถือหุ้น 49% รับรู้รายได้ในอีก 2 ปีจำนวน 736 ล้านบาท และคาดว่าจะมีการร่วมทุนรายใหม่มูลค่าโครงการราว 750 ล้านบาท
หน้า 27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3451 ระหว่างวันที่ 10 - 13 มีนาคม 2562