“พล.ต.ทรงกรด”ยกทีมพบ “พล.อ.พงษ์เทพ” ประกาศขับเคลื่อนโครงการคลองไทย ให้เป็นนโยบายรัฐบาล คาด 1 ปีได้คำตอบจากรัฐบาล
ที่มูลนิธิรัฐบุรุษพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เมื่อเร็วๆนี้ พล.ต.ทรงกรด ทิพย์รัตน์ หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย ได้นำคณะเข้าพบ พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป นายกสมาคมคลองไทยเพื่อการศึกษาและพัฒนา ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า พล.ต.ทรงกรด และคณะได้จัดตั้งพรรคพลังชาติไทย ชูนโยบายสร้างคลองไทยเชื่อมสองมหาสมุทรในภาคใต้ ให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สามารถนำเงินรายได้จากธุรกิจต่างชาติเข้ามาหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของชาติได้อย่างมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนตลอดไป
หลังการหารือ พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการมูลนิธิรัฐบุรุษฯ และนายกสมาคมคลองไทยเพื่อการศึกษาและพัฒนา เปิดเผยว่า หัวหน้าพรรคพลังชาติไทยได้มาพบ พร้อมกับ นายณรงค์ ขุ้มทอง ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานขับเคลื่อนคลองไทยภาคใต้ เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าในการลงพื้นที่พบปะประชาชนในพื้นที่ศึกษาสร้างคลองไทยแนว9เอ 5จังหวัดภาคใต้(ตรังกระบี่ นครศรีธรรมราช พัทลุง. สงขลา)
ทั้งนี้ได้ยืนยันว่า การออกมาแสดงความคิดเห็น และสนับสนุนให้มีการศึกษาเชิงลึกถึงผลกระทบทั้งที่เป็นผลดี และผลเสีย ของโครงการคลองไทยนั้น มั่นใจว่าหาก ผลกระทบของการสร้างคลองไทย มีผลลบมากกว่าผลดี ความพยายามที่จะผลักดัน และรื้อฟื้นโครงการนี้คงเลิกคิดไปนานแล้ว เกือบ 350 ปี ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่คิดขุดคลองไทย ย่อมมีข้อดีมากกว่าข้อเสียอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่2 อังกฤษถึงกับทำสนธิสัญญาห้ามประเทศสยาม ขุดคอคอดกระ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าหากเราขุดคอคอดกระได้ก็จะเกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจต่อประเทศในช่องแคบมะละกาที่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสนธิสัญญาดังกล่าวถูกยกเลิกไปแล้วหลังการพิสูจน์ว่า ประเทศสยาม ไม่ใช่ประเทศกลุ่มแพ้สงครามโลก
อย่างไรก็ตาม การจะตัดสินใจขับเคลื่อนโครงการสร้างคลองไทยนั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องความต้องการของประชาชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ที่ผ่านมาตลอดกว่า 3 ปี จึงเน้นไปพบปะและสอบถามประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งส่วนใหญ่กว่า 90% สนับสนุนให้รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เร่งศึกษาเชิงลึกโครงการสร้างคลองไทยอย่างจริงจัง เนื่องจากประชาชนค่อนข้างให้ความเชื่อถือ ถ้าผลการศึกษาออกมาในช่วงที่"ลุงตู่"ของประชาชนเป็นนายกรัฐมนตรีรวมทั้งไปประชุมร่วมกับประชาชนในภูมิภาคต่างๆด้วย ซึ่งประชาชนในทุกภาคล้วนแต่เห็นด้วยกับแนวคิดขุดคอคอดกระในอดีต และยังเห็นด้วยให้สร้างคลองไทยในปัจจุบัน
ด้าน พล.ต.ทรงกรด กล่าวว่า นโยบายของพรรคข้อที่ 1 คือผลักดันให้มีการสร้างคลองไทย ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และใช้ในการหาเสียง จนกระทั่งตนได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากกว่า 7 หมื่นคะแนนและได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 1 ที่นั่ง
“ขอยืนยันว่า นโยบายสร้างคลองไทยเป็นนโยบายเดียวในการหาเงินมาพัฒนาประเทศอย่างมหาศาล เพียงแค่เราประกาศอย่างเป็นทางการว่า ประเทศไทย จะศึกษาเพื่อสร้างคลองไทยเชื่อมเศรษฐกิจสองมหาสมุทรเข้าด้วยกันเพียงเท่านี้ เม็ดเงินการลงทุนที่จะเข้าสู่ประเทศไทยก็จะหลั่งไหลเข้ามาอย่างมหาศาลซึ่งเป็นนโยบายเดียวในขณะนี้ที่จะสร้างชาติไทยให้มั่งคั่งได้ เช่นเดียวกับประเทศสิงคโปร์ ที่เขาร่ำรวยและพัฒนาได้จนขณะนี้เพราะเขามีเรือสินค้าขนาดใหญ่ผ่าน มีท่าเรือขนถ่ายสินค้าตลอด24ชั่วโมง”
พล.ต.ทรงกรด กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ได้ส่งนโยบายสร้างคลองไทย เพื่อให้บรรจุเป็นนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลแล้วด้วย ในขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎร ตนได้เตรียมพูดคุยกับ ส.ส.จากทั่วประเทศ ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล โดยการขับเคลื่อนคลอง ไทย จะทำร่วมกันในสภาผู้แทนราษฎร จะไม่ทำในนามพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง
“คลองไทยจะเกิดขึ้นได้ ด้วยความต้องการและความสามัคคีของประชาชน คนไทยทั้งประเทศ ผมมั่นใจว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกพรรคการเมือง และคาดว่า ภายใน 6 เดือน จะทราบทิศทางความคืบหน้าของโครงการคลองไทย และภายใน 1 ปี จะทราบคำตอบที่ชัดเจนจากรัฐบาล”
ขณะที่นายณรงค์ ขุ้มทอง แกนนำหลักในการขับเคลื่อนคลองไทยในภาคใต้ กล่าวว่ากว่า40ปีแล้ว ที่ไม่มีโครงการพัฒนาพื้นที่ในภาคใต้เกิดขึ้นเลย ในขณะที่ภัยภิบัติ วาตภัยน้ำท่วมยังเกิดขึ้นทำลายทรัพย์สินและเศรษฐกิจของภาคใต้แทบจะทุกปี หลายปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจภาคใต้ฝืดเคือง ราคาพืชผลทางการเกษตร ทั้งยางพารา ปาล์มน้ำมัน ราคาตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวจากสิงค์โปร์ มาเลเซีย ที่เคยมาเที่ยวจังหวัดชายแดนใต้ ทุกวันนี้พบเห็นได้น้อยมาก ในขณะที่ทิศทางราคาพืชผลทางการเกษตรก็มีแนวโน้มไม่ดีขึ้น
“ทุกวันนี้ความหวังของชาวปักษ์ใต้ ผมยืนยันว่า เรารอให้โครงการสร้างคลองไทยเกิดขึ้นจริง ในรัฐบาลของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ผมมีข้อมูล มีงานวิจัย เรื่องคลองไทยทั้งที่ทำโดยคนไทย และชาวต่างชาตินำเสนอให้รัฐบาล ประกอบการพิจารณา เพียงแต่ขอให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ได้ฟังเสียงความต้องการของพี่น้องประชาชนสักครั้งหนึ่ง”
ทั้งนี้ขณะนี้ตนได้ประสานงานกับส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้จำนวนหนึ่งเพื่อพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ในการพัฒนาพื้นที่ในภาคใต้อย่างเป็นระบบ ในวันอังคารที่ 9 กรกฎาคมนี้เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมมูลนิธิรัฐบุรุษพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ถนนอู่ทองนอก ซึ่งผลการประชุมเป็นเช่นไร ตนจะนำตัวแทนชาวใต้ จากทุกจังหวัด รวมทั้งตัวแทนจากสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และมูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้ เข้าพบ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต่อไป