อาลีบาบา มาแน่ก.ย.นี้

จ่อเปิด อี-คอมเมิร์ซ พาร์ก รอราชกิจจานุเบกษาประกาศอย่างเป็นทางการ WHA ยันพร้อมโอนพื้นที่ 1.3 แสนตารางเมตร ให้กับกลุ่มอาลีบาบาเข้าใช้พื้นที่ได้ก.ย.นี้

นางสาวลัษมณ อรรถาพิช รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยว่า ขณะนี้การตั้งเขต E-Commerce Park ของกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ได้รับอนุมัติในหลักการ จากคณะรัฐมนตรีแล้ว เพียงแต่ต้องไปปฏิบัติให้ได้ตรงตามหลักเกณฑ์และข้อกำหนดในการใช้พื้นที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้เป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการกลุ่มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์บางปะกง หรือ E-Commerce Park อย่างเป็นทางการ

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผย“ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตามแผนของ WHA จะพัฒนาพื้นที่ 232 ไร่ ที่ตำบลบางสมัคร อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทราให้เป็น E-Commerce Park รายแรกของประเทศ เพื่อเป็นการดึงทุนด้าน E-Commerce เข้ามาลงทุน ซึ่งขณะนี้ทางคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.)กำลังกำหนดหลักเกณฑ์ ข้กำหนดต่างๆ ในการให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทุน

“WHA อยู่ระหว่างการรอผลบังคับใช้พื้นที่ ตามการประกาศของราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะมีผลในเร็วๆนี้”

สำหรับพื้นที่ 232 ไร่ ปัจจุบัน WHA แบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรก เป็นพื้นที่สร้างอาคารเช่าขนาด 1.3 แสนตารางเมตร ที่ขณะนี้พื้นที่ดังกล่าวกลุ่มอาลีบาบาได้เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่อาคารไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้ได้เริ่มพัฒนาพื้นที่และก่อสร้างอาคารศูนย์กระจายสินค้า คาดว่าจะส่งมอบพื้นที่ได้ในเดือนกันยายน 2562 นี้ โดยทางอาลีบาบามีความประสงค์จะนำพื้นที่ดังกล่าวทำเป็นศูนย์กระจายสินค้าที่ขายบนอี-คอมเมิร์ซ

ส่วนเฟสที่ 2 สามารถสร้างอาคารได้อีกด้วยขนาด 70,000 ตารางเมตร ซึ่งในส่วนนี้ยังไม่ได้เซ็นสัญญากับกลุ่มอาลีบาบา

“ที่ผ่านมามีข่าวออกไปว่าอาลีบาบาซื้อที่ดินของ WHA ถือว่ามีความคลาดเคลื่อน เพราะเรายังไม่มีการซื้อขายที่ดิน มีแต่เปิดเช่าอาคารไม่ใช่ซื้อที่ดิน”

แหล่งข่าวจากแวดวงธุรกิจในพื้นที่ภาคตะวันออกตั้งข้อสังเกตว่า มีความเป็นไปได้ที่ทุนกลุ่มอาลีบาบาจะขยายพื้นที่เช่าในจังหวัดฉะเชิงเทราเพิ่มขึ้น และเล็งพื้นที่ที่จะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจต่อเนื่องกับกลุ่มWHA หากWHAได้รับสิทธิ์เป็นเขต E-Commerce Park อย่างเต็มรูปแบบ

“น่าจับตาการเคลื่อนย้ายทุนของอาลีบาบายักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซ ของจีน ในการเป็นศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งจะเป็นการปลุกการค้าการลงทุนและสร้างสีสันในพื้นที่ภาคตะวันออกอีกช่องทางหนึ่ง”

ทั้งนี้ มีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) กรณีการได้สิทธิประโยชน์สูงสุดของกลุ่มอาลีบาบานั้น ยืนยันว่า อาลีบาบาไม่ได้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ แต่อย่างใด จึงไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษี 13 ปี เนื่องจากจำกัดเฉพาะโครงการที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ต้องลงทุนสูง หรือเป็นโครงการวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง ได้แก่ Biotechnology, Nanotechnology, Advanced Material
Technology และ Digital Technology

ส่วนกรณีที่กลุ่มอาลีบาบาถือครองที่ดินสำหรับการลงทุนในพื้นที่ E-Commerce Park เป็นการถือครองที่ดินตามปกติ เหมือนตามกฎหมายที่บีโอไอและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)

อย่างไรก็ตามสิทธิประโยชน์ตามอีอีซีนั้น ได้อำนวยความสะดวกการชำระภาษีศุลกากรจากเดิม ที่ต้องชำระ “ทุกวัน” เป็น “ทุก 14 วัน” ถือเป็นต้นแบบการอำนวยความสะดวกทางศุลกากร ให้แก่ธุรกิจ E-Commerce ซึ่งในโลกทุกวันนี้ ผู้บริโภคมักจะสามารถคืนสินค้าได้ภายใน 14 วัน หากสินค้าชำรุด เสียหาย หรือไม่พึงพอใจของสินค้า จึงกำหนดให้สินค้าที่ส่งออกจากเขตปลอดอากรในเขตเศรษฐกิจพิเศษ จะยังไม่ต้องเสียอากรจนกว่าจะครบกำหนด 14 วัน

ทั้งนี้ การลงทุนของ กลุ่มอาลีบาบา ในภาพรวมจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ และประชาชนคนธรรมดา เพราะจะเกิดการสนับสนุน E-Commerce ที่คนไทยสามารถเข้าถึงได้สะดวกขึ้น เป็นการขยายช่องทางการตลาดให้สินค้าหลักของประเทศ ได้แก่ สินค้าเกษตร และธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อมหรือSMEsได้มีช่องทางการตลาดมากยิ่งขึ้น 

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3497 วันที่ 18-21 สิงหาคม 2562