คดีจีทูจีข้าว ตัวบงการที่แท้จริง ยังลอยนวล

08 ก.ย. 2562 | 08:10 น.

      7 กันยายนที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (ศาลฎีกานักการเมือง) ได้อ่านคำพิพากษา ชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คดีโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) นับเป็นคดีแรกที่สิ้นสุดลง โดยองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์มีคำพิพากษาในสาระสำคัญว่า โครงการระบายข้าวแบบจีทูจี ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 กำหนดให้ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการเจรจาการซื้อขายข้าวตามโครงการรับจำนำของรัฐบาลและข้าวในสต๊อกของรัฐบาล กับผู้แทนหน่วยงานของรัฐบาลที่ได้รับมอบหมายให้มีอำนาจเต็มในการซื้อขายจากรัฐบาลของทุกประเทศ

คดีจีทูจีข้าว ตัวบงการที่แท้จริง ยังลอยนวล

      เมื่อปรากฏว่า สัญญาซื้อขายข้าวทั้ง 4 ฉบับ ระหว่าง กรมการค้าข้าวต่างประเทศ กับ บริษัทกวางตรงและบริษัทห่ายหนาน เกิดจากการกระทำโดยทุจริตจึงไม่เป็นสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจี โดยที่นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ได้เห็นชอบให้ทำและแก้ไขสัญญาซื้อขายทั้ง 4 ฉบับ ตามการดำเนินการของกลุ่มข้าราชการโดยบริษัทดังกล่าวไม่ได้เป็นผู้ชำระเงินค่าข้าวตามสัญญา เนื่องจากมีการเปิดช่องให้ไม่ต้องส่งข้าวตามสัญญาไปสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งเลือกวิธีการชำระเงินด้วยแคชเชียร์เช็ค ไม่ใช่ชำระเงินด้วยการเปิด L/C จึงเป็นการตัดการโอนเงินระหว่างประเทศ เป็นผลให้มีการนำข้าวไปเวียนขายให้แก่ผู้ค้าข้าวในประเทศ และรับประโยชน์อันเกิดจากส่วนต่างจากราคาตามสัญญาซื้อขายข้าวทั้งสี่ฉบับกับราคาตลาดไปเป็นของตนโดยทุจริต

 

   

  องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์พิพากษายืนว่า “จำเลยไม่สามารถทำได้เฉพาะคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการร่วมกันทุจริตระหว่างนักการเมือง ข้าราชการประจำ และนักธุรกิจ การกระทำของจำเลยดังกล่าว จึงเป็นความผิดตามฟ้อง”

 

คดีจีทูจีข้าว ตัวบงการที่แท้จริง ยังลอยนวล

 

สำหรับคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีนั้น แยกได้เป็น 2 ล็อต โดยล็อตแรก 4 สัญญาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกจำเลยไปแล้ว ส่วนล็อต 2 มี 8 สัญญา และคาดว่านายบุญทรง และพวก จะเจอซ้ำอีกรอบเพราะพฤติกรรมการทำผิดไม่แตกต่างจากการระบายข้าวล็อตแรกโดยการสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.)ตั้งข้ออันควรสงสัยว่า นายบุญทรง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ และนางปราณี ศิริพันธ์ ครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเห็นชอบการซื้อขายข้าวจีทูจี กับบริษัทที่อุปโลกน์ขึ้นมาอ้างว่า เป็นรัฐวิสาหกิจจีน 4 แห่งทั้งที่ปกติแล้วการซื้อข้าวจีทูจีทางจีนจะซื้อขายผ่าน COFCO หน่วยงานเดียวเท่านั้น

คดีจีทูจีข้าว ตัวบงการที่แท้จริง ยังลอยนวล

  คดีจีทูจีข้าว ตัวบงการที่แท้จริง ยังลอยนวล

    หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2562 ยังมีรายงานจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนในคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (ล็อตสอง)ได้แจ้งคำสั่งไต่สวนของคณะอนุกรรมการฯโดยส่งเป็นหนังสือไปยังผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 71 ราย ในจำนวนนั้นมีชื่อของนายทักษิณ ชินวัตร นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ รวมอยู่ด้วย โดยเป็นหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบว่า กำลังจะถูกสอบในเรื่องนี้ 

     หนังสือแจ้งคำสั่งการไต่สวนในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการขยายผลการสอบสวนการระบายข้าวแบบจีทูจีล็อตแรกที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นเวลา 42 ปี รวมทั้งผู้กระทำความผิดรายอื่นอีกหลายคนทั้งนักการเมือง และข้าราชการระดับสูง รวมไปถึงเอกชนที่เกี่ยวข้อง 

คดีจีทูจีข้าว ตัวบงการที่แท้จริง ยังลอยนวล

     แม้ว่า บุญทรง เตริยาภิรมย์ กับพวกที่เป็นทั้งนักการเมือง ข้าราชการและเอกชน จะถูกพิพากษารับโทษตามความผิดคนละหลายสิบปี ถูกยึดทรัพย์ไปแล้ว แต่สังคมก็ยังเชื่อว่า “ผู้บงการ” ยังลอยนวลอยู่ จากที่ผ่านมาก็ยังมีวลีที่ออกมาจากปากของนายบุญทรงเองด้วยว่า “กูพูดไม่ได้” ยิ่งทำให้ปักใจเชื่อว่า ยังมีผู้บงการหรือตัวการใหญ่อยู่ 

คดีจีทูจีข้าว ตัวบงการที่แท้จริง ยังลอยนวล

    จนถึงวันนี้ทั้งนายทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ได้หลบหนีคดีไปต่างประเทศนานแล้ว ปรากฏเป็นข่าวครึกโครมล่าสุดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2562 ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้รับสัญชาติเซอร์เบีย ขณะที่มีข่าวก่อนหน้านั้นแล้วว่า นายทักษิณ ก็ได้สัญชาติมอนเตรเนโกร ซึ่งเป็นประเทศที่มีชายแดนติดต่อกัน ส่วนนางเยาวภา ก็ไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นมานานแล้ว นับตั้งแต่ช่วงที่มีข่าวว่า ป.ป.ช.มีการสอบสวนในคดีระบายข้าวแบบจีทูจีล็อตสอง จนถึงบัดนี้ก็ไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ