ศึกซักฟอก“หญิงหน่อย”เล็งเก็บหลักฐานเล่นงานสส.โหวตสวนมติพรรค

วันนี้ (21 มี.ค. 68) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 24-5 มี.ค.นี้ว่า พรรคได้โควต้า สส. 1 คน กับเวลาอีกราว 50 นาที  ถึง 1 ชั่วโมงในการอภิปราย โดยมีการเตรียมข้อมูลซักซ้อมกันเรียบร้อยแล้ว

ส่วน สส.พรรคที่อาจจะโหวตสวนมติพรรค ในการอภิปรายนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า จะเก็บไว้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ในการยื่นสอบจริยธรรม เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานให้กับทุกพรรคการเมือง ไม่ว่าสมัยนี้หรือสมัยต่อไปก็ไม่ควรที่จะเกิดพฤติกรรมอันน่ารังเกียจนี้ ซึ่งขณะนี้มี สส.ของพรรคที่ลงมติสนับสนุนญัตติของฝ่ายค้าน 3 ราย ก็เชื่อว่าขณะนี้คนเหล่านั้นยังทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน

คุณหญิงสุดารัตน์ ยักยกตัวอย่างว่า สมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลของนายบรรหาร ศิลปอาชา และเมื่อสมัยเป็น สส.ในรัฐบาลของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ  มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ในทั้งสองครั้ง มีการกำหนดระยะเวลาในการอภิปราย 3 วัน ลงมติอีก 1 วัน รวมเป็น 4 วัน โดยอดีตนายกฯ ให้เกียรติในที่ประชุมอยู่รวมฟัง ตอบคำถามของฝ่ายค้านทุกข้อด้วยตัวเอง แม้เวลาจะล่วงถึง 03.00 น. 

ครั้งนี้เห็นว่า ควรจะให้เวลาฝ่ายค้านตรวจสอบอย่างเต็มที่ อย่างน้อยควรใช้บรรทัดฐานในอดีต การบีบเวลาไปถึงตี 4 ตี 5 คุณภาพคนอภิปรายก็ไม่ไหว คนฟังก็ฟังไม่ได้ คุณภาพการตรวจสอบก็ด้อยลง   ซึ่งรัฐบาลหากมั่นใจจริง  ก็ควรเปิดเวลาได้ตรวจสอบจะทำให้สังคมไม่เกิดคำถามแบบนี้ 

“แต่เมื่อมีการตกลงกันอย่างนี้ก็เชิญชวนพี่น้องประชาชนอดตาหลับ ขับตานอนช่วยกันฟังการอภิปราย ซึ่งก็อยากฝากว่าถ้านายกรัฐมนตรีอุ๊งอิ๊งค์ พิสูจน์ตัวเอง ยืนตอบคำถามเหมือนนายบรรหาร หรือ พล.อ.ชวลิต ก็คิดว่าจะทำให้คะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรีดีขึ้น” 

ผู้สื่อข่าวถามถึงการอภิปรายที่อาจจะเกี่ยวข้องกับเอนเตอร์เทนเมนต์คอมแพลกซ์ และการพนันออนไลน์หรือไม่นั้น คุณหญิงสุดารัตน์ ตอบว่า ไทยสร้างไทยเป็นพรรคที่มีจุดยืนชัดเจนในการทำการเมืองสุจริต ค้านพนันออนไลน์ 100% 

ส่วนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมแพลกซ์ ถ้าอยากทำจริง ก็ลองให้รัฐเป็นตัวแทนในการทำสักที่หนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ใช่พรรคเราที่อภิปรายฯ คนเดียว เพราะยังมีพรรคอื่นร่วมด้วย ส่วนจะสะเทือนรัฐบาลหรือไม่ ขอให้นำความจริงมาพูดดีกว่า อีกทั้งมีข้อเท็จจริงมาให้นายกรัฐมนตรีฟัง เพื่อหวังว่าจะให้เปลี่ยนใจกับโครงการดังกล่าว